Thailand
ขอบคุณภาพจาก RT
12.08.2024
กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีคะแนนนำหน้าอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในรัฐที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร ได้แก่ วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย และมิชิแกน จากผลสำรวจของนิวยอร์กไทมส์ที่เผยแพร่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (10 สิงหาคม 2024) แต่ข้อมูลการสุ่มตัวอย่างของผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า การแข่งขันอาจสูสีกันมาก
การสำรวจความคิดเห็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเกือบ 2,000 คนซึ่งจัดทำโดยสถาบันวิจัยวิทยาลัยเซียนา พบว่า แฮร์ริสมีคะแนนนำทรัมป์ 50% ต่อ 46% ในสามรัฐรวมกัน โพลจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 5 ถึง 9 สิงหาคม ซึ่งเป็นสัปดาห์เดียวกับที่แฮร์ริสประกาศให้ทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินเนโซตา เป็นคู่หูชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย และมิชิแกน มักจะโหวตให้พรรคเดโมแครตมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 1992 จนถึงปี 2016 ซึ่งทรัมป์หักปากกาโพลเกือบทั้งหมดและคว้าชัยชนะทั้งสามรัฐได้สำเร็จ แต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนสามารถพลิกสถานการณ์ในรัฐเหล่านี้และกลับมาชนะได้ในปี 2020 ด้วยคะแนนที่สูสี สำหรับแฮร์ริสและทรัมป์ ชัยชนะในรัฐเพนซิลเวเนียพร้อมคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง 19 คะแนน หรือ มิชิแกนและวิสคอนซินที่สองรัฐรวมกัน 25 คะแนน ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการคว้าชัยเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้
แม้ว่าผลสำรวจจะชี้ให้เห็นว่าแฮร์ริสกำลังอยู่ในเส้นทางแห่งชัยชนะในทั้งสามรัฐ แต่เมื่อพิจารณาจากวิธีการสำรวจแล้ว กลับพบว่า คะแนนนำของพรรคเดโมแครตอาจเป็นเพียงภาพลวงตา ตัวอย่างเช่น ผู้ตอบแบบสอบถาม 45% ในมิชิแกนโหวตให้ไบเดนในปี 2020 ในขณะที่ 39% เลือกทรัมป์ แต่ในความเป็นจริงคือ ไบเดนชนะในรัฐมิชิแกนแซงหน้าทรัมป์ไม่ถึง 3 จุด แทนที่จะเป็นหกจุดตามที่ผลสำรวจระบุ
สถานการณ์คล้ายคลึงกันในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งการสุ่มตัวอย่างของโพลชี้ให้เห็นว่าไบเดนชนะในรัฐนี้ แซงทรัมป์ไป 5 จุด ในปี 2020 แต่ในความเป็นจริง แซงหน้าแค่เพียง 1.2 จุด และในรัฐวิสคอนซิน ซึ่งโพลแสดงให้เห็นว่าไบเดนชนะแซงหน้าไป 8 จุด แต่ผลเลือกตั้งจริง แซงหน้าแค่ 0.6 จุด
เมื่อนำโพลมาพิจารณาแล้ว การแข่งขันของแฮร์ริสและทรัมป์ยังอยู่ในภาวะสูสีกันอย่างมากในสามรัฐนี้
แต่โพลนี้เป็นหนึ่งในโพลจำนวนมากที่แสดงให้เห็นว่า แฮร์ริสไล่ตามทรัมป์ทันแล้ว ผลเฉลี่ยจากโพลหลายครั้งที่จัดทำโดย RealClearPolitics พบว่า แฮร์ริสนำหน้าทรัมป์ทั่วประเทศอยู่ที่ 0.5% แต่ในทางกลับกัน โพลครั้งก่อน ก็ให้ทรัมป์นำไบเดนอยู่ราว 3 จุด ก่อนที่ประธานาธิบดีไบเดนจะระงับการรณรงค์หาเสียงเมื่อเดือนที่แล้ว
แม้แฮร์ริสจะไม่ได้เผยจุดยืนนโยบาย และไม่ได้ถามตอบใดใดกับนักข่าวเลยนับตั้งแต่ประกาศหาเสียง แต่ผลสำรวจของนิวยอร์กไทมส์/เซียนาครั้งก่อนพบว่า ความนิยมในตัวเธอเพิ่มขึ้นเป็น 48% จาก 36% ในเดือนกุมภาพันธ์ ความนิยมในตัวทรัมป์ปัจจุบันอยู่ที่ 46% เพิ่มขึ้นจาก 44% ในเดือนกุมภาพันธ์
By IMCT NEWS
อ้างอิงจาก: https://www.rt.com/news/602430-harris-swing-state-poll/
© Copyright 2020, All Rights Reserved