Thailand
ขอบคุณภาพจาก Vietnam News
18/7/2024
สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคอาเซียน+3 หรือ AMRO ปรับประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6.3 ในปี 2567 ในการอัปเดตล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (16 ก.ค.) โดยสูงกว่าการคาดการณ์ร้อยละ 6 ในเดือนเมษายน 0.3 เปอร์เซ็นต์ และสูงที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียนในปีนี้ (2024) ส่วนการคาดการณ์การเติบโตของ GDP ของเวียดนามในปีหน้า (2025) อยู่ที่ร้อยละ 6.5
ในรายงานสำคัญดังกล่าว AMRO ได้แก้ไขการเติบโตของประเทศอาเซียนส่วนใหญ่ให้ลดลงในปีนี้ (2024) โดยฟิลิปปินส์คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงสุดเป็นอันดับสองที่ร้อยละ 6.1 ตามมาด้วยกัมพูชาที่ร้อยละ 5.6 และอินโดนีเซียที่ร้อยละ 5.2
Hoe Ee Khor หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ AMRO ระบุว่าเวียดนามได้รับผลกระทบอย่างหนักในปีที่แล้วจากอุปสงค์ภายนอกที่ตกต่ำ แต่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายนอกในปีนี้
“นี่จะเป็นปีแห่งการเติบโตที่แข็งแกร่งมากสำหรับเวียดนาม ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจเปิดกว้าง และได้รับประโยชน์อย่างมากจากการค้า” Khor กล่าว พร้อมชี้ให้เห็นจุดอ่อนบางประการในระบบเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการเติบโตที่ไม่สม่ำเสมอในภาคส่วนต่างๆ
“ในภาคอสังหาริมทรัพย์ มีการต่อสู้ดิ้นรนจากภาวะถดถอย มีขอบเขตสำหรับทางการในการดำเนินมาตรการตามเป้าหมายเพื่อช่วยฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์ และยังสนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่เปราะบาง ซึ่งหลายแห่งยังล้าหลังอยู่”
เจ้าหน้าที่ AMRO คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อของเวียดนามจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 ในปีนี้ (2024) เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.6 ในการอัปเดตเดือนเมษายน
นอกจากนี้ก็มีรายงานว่า เศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตร้อยละ 6.93 ในไตรมาสที่สอง และร้อยละ 6.42 ในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้ (2024) ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.08 ในช่วงครึ่งแรกของปี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในช่วงปีที่ผ่านมา (2023) ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติทั่วไป
ในการคาดการณ์ล่าสุดสำหรับการเติบโตของ GDP ของประเทศ กระทรวงการวางแผนและการลงทุนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเวียดนามอาจเกินการคาดการณ์ที่จะเติบโตร้อยละ 7 ในปีนี้ ในสถานการณ์หนึ่ง การเติบโตอาจสูงถึงร้อยละ 6.5 ซึ่งตรงกับเป้าหมายของรัฐสภา ส่วนสถานการณ์ในแง่ดีมากขึ้น การเติบโตอาจสูงถึงร้อยละ 7 โดยมีอัตราที่สูงขึ้นในช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา
สำหรับการคาดการณ์การเติบโตของภูมิภาคอาเซียน+3 ในวงกว้าง ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ที่ร้อยละ 4.4 โดยการคาดการณ์การเติบโตของอาเซียนไม่เปลี่ยนแปลงที่ร้อยละ 4.8
“สมดุลความเสี่ยงโดยรวมต่อแนวโน้มของภูมิภาคดีขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายน” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์กล่าว
“นอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์แล้ว เศรษฐกิจของจีนยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง การท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นมาใกล้ระดับก่อนเกิดโรคระบาดสำหรับเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในภูมิภาค และการฟื้นตัวของเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกกำลังขยายวงกว้างเพื่อเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและภาคส่วนต่างๆ ในอาเซียน+3”
ขณะเดียวกัน AMRO ระบุในรายงานว่า ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ มีความโดดเด่นมากขึ้น ความคาดหวังว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเป็นเวลานานในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกได้ส่งผลกระทบต่อสกุลเงินหลายสกุลของภูมิภาค นอกจากนี้ ตลาดสินทรัพย์อาเซียน+3 อาจเผชิญกับความผันผวนที่เพิ่มขึ้นระหว่างการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากทำให้ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนรุนแรงขึ้น
“ข่าวร้ายก็คือแนวโน้มของภูมิภาคในปีหน้าอาจได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ข่าวดีก็คือว่าภูมิภาคนี้เคยเผชิญกับเหตุการณ์ช็อกในลักษณะเดียวกันมาก่อน” Khor กล่าว “เศรษฐกิจของเราจำเป็นต้องสร้างพื้นที่นโยบายขึ้นมาใหม่และดำเนินนโยบายเพื่อเพิ่มความสามารถในการฟื้นตัวต่อผลกระทบ”
IMCT News
© Copyright 2020, All Rights Reserved