ขอบคุณภาพจาก RT
11/4/2024
เงินเยนอ่อนค่ามากกว่า 153 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นการอ่อนค่ามากสุดนับจากปี 1990 จากปัจจัยเงินเฟ้อในสหรัฐ ก่อให้เกิดความเสี่ยงว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงเหมือนอย่างที่เคยทำเมื่อปี 2022 เพื่อระงับไม่ให้เงินเยนอ่อนค่าไปมากกว่านี้
เงินเยนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวาน ( 10 เมย. 2024 ) หลังสหรัฐเผยตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุด ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่คาดหมายว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคในสหรัฐประจำเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และจะตามมาด้วยรายงานการจ้างงานในสหรัฐที่จะออกมาในวันศุกร์นี้ ( 12 เมย. 2024 ) ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า น่าจะมีเพิ่มขึ้น 3.4% สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง ตลาดจึงคาดการณ์ว่า มีแนวโน้มน้อยลงที่ธนาคารกลางสหรัฐจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน
รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการต่างประเทศของญี่ปุ่น กล่าวว่า เงินเยนอ่อนค่าอย่างรวดเร็วในช่วงนี้ ทางการญี่ปุ่นจะจัดการอย่างเหมาะสมกับเงินเยนที่อ่อนค่าหนักเกินไป โดยใช้ทุกแนวทาง ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐยังซื้อขายกันอยู่ที่ 152.80 – 152.90 เยน
ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ยุติมาตรการ Yield Curve Control หรือ YCC ไปแล้ว เป็นเครื่องมือนโยบายการเงินที่ธนาคารกลางนำมาใช้จัดการอัตราดอกเบี้ยตาม Yield Curve หรือเส้นแสดงอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในแต่ละช่วงอายุ ซึ่งจะชี้วัดวงจรเศรษฐกิจและบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้
ธนาคารกลางญี่ปุ่นนำมาตรการนี้มาใช้ตั้งแต่เดือนกันยายน 2016 เพื่อช่วยแก้ปัญหาเงินฝืดและกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยพุ่งเป้าไปที่การควบคุมผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นแบบ 10 ปี ให้มีอัตราผลตอบแทนเฉียด 0%
YCC ยังเป็นเครื่องมือช่วยส่งเสริมการกู้ยืมและการลงทุนโดยคงอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้อยู่ในระดับต่ำ เพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมเงินในภาคธุรกิจและผู้บริโภค ซึ่งธนาคารกลางญี่ปุ่นดำเนินนโยบายแบบนี้มาตลอด หวังกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัว และสู้กับปัญหาเงินฝืด
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ทางธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ยุติมาตรการนี้ลง ด้วยการขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี หวังดูดเงินเยนกลับเข้ามาในระบบ เพื่อให้เงินเยนในตลาดแข็งค่าขึ้น แต่เงินเยนก็ยังอ่อนค่าลง ฝ่าแนวต้านที่ 152 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐไปเรียบร้อย รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นและเจ้าหน้าที่ฝ่ายนโยบายการเงินอื่นๆ จึงยืนยันความพร้อมจะใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อหยุดยั้ง ไม่ให้เงินเยนอ่อนค่าไปมากกว่านี้ ซึ่งเมื่อปี 2022 กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเคยแก้เกมด้วยการซื้อเงินเยน 9.2 ล้านล้านเยน แล้วเทขายดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเงินเยนอ่อนค่าเฉียด 152 เยนต่อดอลลาร์
ส่วนในครั้งนี้ คาดว่า ญี่ปุ่นอาจใช้วิธีเทขายดอลลาร์ในอนาคตอันใกล้ Nomura Securities มองว่า เป็นไปได้ที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะยื่นมือเข้าแทรกอีก เมื่อเงินเยนอ่อนค่าทะลุ 152 ส่วน Bank of America Securities ก็คาดว่า มีโอกาสมากขึ้น ที่ญี่ปุ่นจะซื้อเงินเยนกลับมา ถ้าเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 152 – 155 ด้าน Invesco ระบุว่า ญี่ปุ่นอาจแทรกแซงถ้าเงินเยนอ่อนค่าไปอยู่ที่ 155
บรรดานักวิเคราะห์ยังมองว่า ถ้าเงินเยนฝ่าแนวต้านทะลุ 152 ไปได้ ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าอย่างรวดเร็วไปอยู่ที่ 155 เยนต่อดอลลาร์ และถ้ารัฐบาลญี่ปุ่นไม่เขาแทรก ก็อาจอ่อนค่าลงไปถึง 160 ก็เป็นได้
การที่ญี่ปุ่นจะใช้วิธีเทขายดอลลาร์ แล้วซื้อเยนกลับ เพื่อให้เงินเยนแข็งค่าขึ้นนั้น ก็ยังพอเป็นไปได้ เพราะธนาคารกลางญี่ปุ่นน่าจะมีทุนสำรองในรูปดอลลาร์สหรัฐมากถึง 175,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6.3 ล้านล้านบาท แต่นักวิเคราะห์มองว่า การจะทำเช่นนั้นได้ ต้องทำตอนที่ตลาดไม่ทันได้ระวังตัว แต่ตอนนี้ เป็นที่รับรู้กันแล้วว่า ญี่ปุ่นอาจใช้วิธีนี้โต้กลับ การจะทำให้เงินเยนแข็งค่าจึงอาจไม่ได้ผล ซึ่งตามปกติแล้ว เงินเยนมักอ่อนค่าลงเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง และถ้าเศรษฐกิจสหรัฐย่ำแย่ เงินเยนก็จะแข็งค่าขึ้น
นักวิเคราะห์มองว่า ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า เงินเยนมีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้น 10% - 15% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากช่องว่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นยิ่งแคบลงมากขึ้น ในระยะยาวเงินเยนมีแนวโน้มแข็งค่าจากปัจจัยสนับสนุนด้านโครงสร้าง เช่น การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งถือเป็นการเกินดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13 แล้วของญี่ปุ่น
By IMCTNews