27/10/2024

เว็บไซต์ไทยพีบีเอส รายงานว่า วันนี้ (27 ต.ค.2567) กำหนดการบวงสรวง แม่ย่านางเรือพระราชพิธี เริ่มเวลา 09.09 น. พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีบวงสรวง ณ อู่หมายเลข 1 อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจก่อนการปฎิบัติหน้าที่ของกำลังพล เนื่องในการเสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวราราม หลังจากกองทัพเรือ สำนักพระราชวัง และกรมศิลปากร ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ร่วมดำเนินการซ่อมเรือพระที่นั่งและและเรือในริ้วขบวน พร้อมทั้งได้ฝึกซ้อมฝีพายไว้เป็นที่เรียบร้อย

พระราชพิธีครั้งนี้มีเรือจำนวน 52 ลำ จัดริ้วขบวน 5 ริ้ว 3 สาย มีกำลังพลประจำเรือ ในทุกริ้วขบวน จำนวน 2,412 นาย (เฉพาะในส่วนกำลังพลฝีพาย 2,200 นาย ) โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ประทับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ และจัดเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ เป็นเรือพระที่นั่งรอง และเรือพระที่นั่งอนันตนาคราชเป็นเรือเชิญผ้าพระกฐิน พร้อมด้วยเรือรูปสัตว์แสนยากรตามราชประเพณี

พิธีบวงสรวง "แม่ย่านาง" เรือพระราชพิธี

การบวงสรวงแม่ย่านางเรือ มีนายเรือ และนายท้าย ของเรือแต่ละลำเข้าร่วมพิธี พร้อมเครื่องบวงสรวงสังเวย ขนมมงคล 9 อย่าง เช่น ขนมโสมนัส อาลัว ข้าวตูเสวย ของคาว เช่น หัวหมู เป็ด ไก่ ปลายำ กุ้ง หอย ปู ราชมาศ หรือธัญพืชต่าง ๆ เครื่องกระยาบวด 5 อย่าง

ขณะที่กำลังพลฝีพายทุกนาย ต่างเตรียมพร้อมทั้งสภาพร่างกาย จิตใจ จากการฝึกซ้อมอย่างหนักตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เพื่อร่วมเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์พระราชพิธีสำคัญในครั้งนี้ ให้คนไทยได้ภาคภูมิใจในโบราณราชประเพณีที่ยังคงสืบทอดไว้

ประชาชนจองพื้นที่ชมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

ขณะที่พื้นที่นั่งที่จัดเตรียมไว้ ที่สวนสันติชัยปราการ มีประชาชนทยอยเข้าจับจองต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้พลาดประวัติศาสตร์และพระราชพิธีสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยากับการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเกือบ 5 ปีก่อน

ความสง่างาม พร้อมเพรียงของริ้วขบวนเรือพระที่นั่ง และเรือพระราชพิธี 52 ลำ ที่เคลื่อนไปตามสายน้ำเจ้าพระยา เมื่อครั้งพระราชพิธี เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562 ซึ่งเคยตรึงตาและอยู่ในความทรงจำของผู้คน กำลังหวนกลับมาอีกครั้ง ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

27 ตุลาคม 2567 ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เสมือนทำให้เรือทั้ง 52 ลำ ซึ่งเป็นสมบัติและศิลปะล้ำค่าของชาติ ได้กลับมามีชีวิตชีวาและอวดโฉมอีกครั้ง บนผืนน้ำเจ้าพระยา

โอกาสพิเศษที่ประชาชน จะได้ชมโบราณราชพระเพณีอย่างใกล้ชิดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สวนสันติชัยปราการ เขตพระนคร หนึ่งในจุดที่จัดที่นั่งรองรับถึง 1,500 ที่นั่ง พร้อมติดตั้งจอแอลอีดี ไว้บริการมีประชาชน ทยอยเข้ามาจับจองที่นั่งตั้งแต่ช่วงเช้ามืด เพื่อให้ได้มุมที่ดีและเห็นชัดที่สุด

ในช่วงเวลาที่ต้องรอหลายชั่วโมงก่อนพระราชพิธีจะเริ่มขึ้น หลายคนเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี บางครอบครัวเตรียมข้าวเหนียว อุปกรณ์กันฝนมาแน่นกระเป๋าสำหรับคนในครอบครัว และเผื่อแบ่งปันให้คนอื่น ๆ ด้วย ที่ไม่ได้นำมาด้วย

แต่ที่น่าจะมาเป็นคนแรก ๆ ช่วงเช้ามืดวันนี้ คือ นางวาสนา คชสิงห์ ชาว อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อให้ได้ที่นั่งแถวหน้าสุด รอชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด และมาส่งกำลังใจให้กับลูกชายของเธอ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 2,200 ฝีพายเรือพระราชพิธี ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ครั้งนี้

ในช่วงบ่าย ประชาชนสามารถร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเข้าพระบรมราชินี และชื่นชมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ได้ตลอด 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งต้นจากท่าวาสุกรี ผ่านสะพานพระราม 8 ไปจนถึงวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ระยะทาง 4 .2 กิโลเมตร

สำหรับผู้ที่จะเดินทางมาเฝ้าฯ รับเสด็จ และชมขบวนเรือพระราชพิธี เชิญชวนแต่งกายโทนเหลืองอย่างพร้อมเพรียง แนะนำให้พกบัตรประชาชน ยาประจำตัว น้ำดื่ม และอุปกรณ์กันฝนมาด้วย

IMCT News

ที่มา https://www.thaipbs.or.th/news/content/345693