Thailand
ขอบคุณภาพจาก Xinhua
11/4/2024
ผลเอ็กซิตโพลหลังการเลือกตั้งอียูเมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (9 มิ.ย.2024) ระบุว่า แนวร่วม "ไฟจราจร" (Traffic Light Coalition) ของรัฐบาลเยอรมนีทำได้ไม่ดีนัก ในขณะที่พรรค AfD ที่เป็นขวาจัดกลับได้คะแนนนิยมสูงขึ้น แม้จะมีเรื่องอื้อฉาวก่อนหน้านี้
การคาดการณ์ผลการเลือกตั้งในยุโรปในช่วงต้นของเยอรมนี บ่งชี้ถึงประสิทธิภาพที่ย่ำแย่ของกลุ่มพันธมิตรเดิมที่ปกครองประเทศ และการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในการสนับสนุนพรรคฝ่ายกลางและฝ่ายขวา ซึ่งเป็นฝ่ายค้านเดิม
ฝ่ายค้านหลักอนุรักษ์นิยมของเยอรมนี ได้แก่ สหภาพคริสเตียนประชาธิปไตย (CDU) และสหภาพคริสเตียนสังคม (CSU) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม EPP ในรัฐสภายุโรป คาดว่าจะจบอันดับที่หนึ่งอย่างสบายๆ ด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 29.5 ขณะที่ "แนวร่วมไฟจราจร" ของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ คะแนนเสียงกลับตกต่ำ โดยพรรค SPD ของชอลซ์ได้รับคะแนนเสียงเพียงร้อยละ 14 ลดลงจากร้อยละ 15.9 ในปี 2019 ที่ผ่านมา
ขณะที่พรรคกรีนซึ่งเป็นพรรคที่ใหญ่เป็นอันดับสองในแนวร่วม คาดว่าการสนับสนุนจะลดลงอย่างมาก จากร้อยละ 20.5 ในปี 2019 เหลือเพียงร้อยละ 12 ตามประมาณการของ ARD และ ZDF ระบุ คาดการณ์ว่า FDP จะได้คะแนนเสียงเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น
สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเยอรมนี มีจำนวนอยู่ระหว่างร้อยละ 64 ถึงร้อยละ 65 ของประชากรทั้งหมด ซึ่งสูงที่สุดในการเลือกตั้งยุโรปนับตั้งแต่การรวมประเทศเยอรมนีเข้าด้วยกัน ขณะเดียวกัน เยอรมนีก็เป็นรัฐสมาชิกที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม 27 ชาติของยุโรป โดยมีที่นั่ง 96 ที่นั่งในรัฐสภาอียู
ด้านพรรค AfD ซึ่งเป็นพรรคขวาจัด สุดคาดว่าจะได้ส่วนแบ่งคะแนนเสียงเพิ่มเป็นมากกว่าร้อยละ 14 เทียบกับร้อยละ 11 ในปี 2019 แม้ว่าจะเผชิญเรื่องอื้อฉาวมากมายช่วงก่อนการเลือกตั้ง ตั้งแต่การจารกรรมที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียและจีน แผนการเนรเทศพลเมืองชาวเยอรมันที่แปลงสัญชาติ ไปจนถึงผู้นำพรรคที่เลียนแบบคำขวัญสมัยนาซีระหว่างการเดินขบวนรณรงค์หาเสียงของพวกเขา
ด้าน Kilian Hampel ผู้ร่วมเขียน 'Youth in Germany' กล่าวว่า "หากคุณต้องการดูความนิยมของ AfD สำหรับคนหนุ่มสาว คุณต้องดูสถานการณ์โดยรวมของคนหนุ่มสาวในขณะนี้ เพราะสิ่งที่เราเห็นในขณะนี้คือ ผู้คนเริ่มไม่พอใจหรือไม่พอใจกับรัฐบาล รวมถึงสถานการณ์ส่วนตัวโดยรวมของพวกเขาด้วย”
IMCT News
© Copyright 2020, All Rights Reserved