ขอบคุณภาพจาก asean.org
13/10/2024
สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน และจีน ร่วมกันประกาศถึงการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีจีน-อาเซียน หรือ CAFTA 3.0 ฉบับสมบูรณ์ ว่าได้เสร็จสิ้นลงแล้ว หลังนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงของจีนและผู้นำชาติสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศได้ประชุมประจำปีร่วมกันที่นครหลวงเวียงจันทน์ เมืองหลวงของลาว
กระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุว่า จีนและอาเซียนเห็นพ้องกันว่า ความคืบหน้าล่าสุดแสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายมุ่งมั่นรักษาสภาพแวดล้อมการค้าตามกฎเกณฑ์ รวมถึงเสริมสร้างการบูรณาการทางเศรษฐกิจและความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม ท่ามกลางภูมิทัศน์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อน
ในการกล่าวปราศรัยต่อการประชุมสุดยอดจีน-อาเซียน ครั้งที่ 27 หลี่ระบุว่า ผลลัพธ์ที่สำคัญนี้จะให้การคุ้มครองแก่จีนและอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดหลัก 2 แห่งที่มีประชากรมากกว่า 1,400 ล้านคนและ 600 ล้านคนตามลำดับ เพื่อสร้างตลาดขนาดใหญ่ร่วมกัน
“ตลาดขนาดใหญ่เป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจของเรา และการเสริมสร้างการเชื่อมโยงตลาดเป็นแนวทางสำคัญสำหรับความร่วมมือในอนาคตของเราเช่นกัน” หลี่กล่าว พร้อมเสริมว่า เนื่องจากความต้องการทั่วโลกที่อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด ตลาดจึงกลายเป็นทรัพยากรที่หายากที่สุดในการพัฒนาเศรษฐกิจในปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็ตั้งข้อสังเกตว่า CAFTA 3.0 เป็นก้าวสำคัญในการนำร่องการบูรณาการทางเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออก
นอกจากนี้ หลี่ก็ยังได้แสดงความพร้อมของปักกิ่งที่จะทำงานร่วมกับอาเซียนในการสร้างเครือข่ายการเชื่อมต่อหลายมิติเพื่อให้การพัฒนาในเอเชียไม่มีอุปสรรค โดยจีนต้องการเสริมสร้างความร่วมมือด้านทางรถไฟ ท่าเรือ และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ กับอาเซียน เร่งการลงนามและการนำข้อตกลงการค้าเสรีจีน-อาเซียนเวอร์ชัน 3.0 ไปปฏิบัติ และเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างระบบการชำระเงินข้ามพรมแดน เป็นต้น
อีกด้านหนึ่ง นายกรัฐมนตรีจีนก็ยังเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายขยายความร่วมมือในอุตสาหกรรมเกิดใหม่เพื่อเพิ่มความยั่งยืนของการเติบโตในเอเชีย โดย “จีนต้องการร่วมมือกับอาเซียนเพื่อคว้าโอกาสของการปฏิวัติเทคโนโลยีรอบใหม่และการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม และใช้ประโยชน์จากศักยภาพความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัลและการพัฒนาสีเขียว”
สำหรับการก่อตั้งเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนในปี 2010 และการยกระดับเป็น CAFTA 2.0 ในปี 2019 ทั้งสองฝ่ายได้เห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของการค้าสองทาง โดยตัวเลขรวมอยู่ที่ 552,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงเจ็ดเดือนแรกของปีนี้ (2024)
จีนเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของอาเซียนมาเป็นเวลา 15 ปีติดต่อกัน และอาเซียนกลายเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของจีนในปี 2020
การเจรจา CAFTA 3.0 เริ่มต้นในเดือนพฤศจิกายน 2022 โดยเน้นที่ด้านต่างๆ เช่น การลดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร การเพิ่มการเชื่อมต่อ และการส่งเสริมเศรษฐกิจทั้งแบบดิจิทัลและสีเขียว
ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกซบเซาและความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไป CAFTA 3.0 จะช่วยให้เอเชียตะวันออกสามารถริเริ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศได้มากขึ้น และยังเป็นตัวอย่างสำหรับการบูรณาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาคและการปฏิรูปการกำกับดูแลระดับโลกอีกด้วย
ด้านหลี่ กวงฮุย คณบดีฝ่ายวิชาการของโรงเรียนเศรษฐศาสตร์จีน-อาเซียน มหาวิทยาลัยกว่างซี มองว่าความร่วมมือในสาขาที่เกี่ยวข้องกับ CAFTA 3.0 เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน และเทคโนโลยีขั้นสูง จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาใหม่ๆ ในด้านการค้า การลงทุน และการค้าบริการระหว่างจีนและอาเซียน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีจีนได้เข้าร่วมการประชุมผู้นำประจำปีระหว่างอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ หรืออาเซียน+3 โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างจิตสำนึกเอเชีย โดยกล่าวว่า ประเทศในเอเชียให้ความสำคัญกับความเป็นอิสระ และกิจการของเอเชียควรได้รับการจัดการผ่านการปรึกษาหารือโดยประชาชนในเอเชีย รวมถึงชะตากรรมของเอเชียต้องอยู่ในมือของตนเอง
นอกจากนี้ จีนก็ยังพร้อมที่จะทำงานร่วมกับอาเซียน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆ ในเอเชียเพื่อรักษาจิตสำนึกเอเชีย สืบสานภูมิปัญญาตะวันออก และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงเพื่อสร้างเอเชียแห่งสันติภาพและความสงบสุข ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ความเปิดกว้าง รวมถึงการเชื่อมโยงกัน
IMCT News
ที่มา https://asianews.network/china-asean-announce-major-progress-in-cafta-3-0/