26/3/2024
ดอลล่าร์หมดประโยชน์แล้วในฐานะเงินสกุลหลักของโลกที่จะให้ประเทศต่างๆถือเป็นรีเสร์ฟ หรือเงินทุนสำรอง เพราะว่าสหรัฐใช้ดอลล่าร์ที่ไม่มีทรัพย์สินหนุนหลังเป็นอาวุธในการทำลายประเทศอื่นผ่านการแซงชั่น และสหรัฐไม่มีวินัยทางการเงินการคลังสร้างหนี้เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้ต้องเพิ่มปริมาณดอลล่าร์เข้าไปในระบบในปริมาณที่มหาศาล ทำให้คุณค่าในการใช้ดอลล่าร์เป็นรีเสิร์ฟหายไป
อย่างไรก็ดี ในความเป็นจริง หรือในทางปฏิบัติ ดอลล่าร์จะยังคงเป็นเงินสกุลที่ได้รับการยอมรับ หรือนิยมในการใช้จ่ายมากที่สุดในโลก การทำธุรกรรมการเงินด้วยดอลล่าร์ยังคงมีปริมาณที่มากที่สุดในโลก ตลาดทุนหรือตลาดการเงินของสหรัฐยังคงเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก ทำให้นักลงทุนทั่วโลก รวมท้ังกองทุนต่างๆนิยมที่จะเข้าไปลงทุนในสหรัฐ
แต่หนี้ที่สูงท่วมภูเขาของสหรัฐทำให้กระทรวงการคลังต้องออกพันธบัตรจำนวนมากเพื่อใช้จ่ายในงบประมาณขาดดุล และเพื่อชำระหนี้ ปีที่แล้วกระทรวงคลังออกพันธบัตร$23ล้านล้าน ในขณะที่ขนาดของตลาดพันธบัตรรัฐบาลอยู่ที่$27ล้านล้าน แสดงว่ามีการออกพันธบัตรเพื่อรีไฟแนนซ์หนี้เก่าเป็นส่วนใหญ่ การออกพันธบัตรมากมายอย่างนี้จะทำให้เกิดปัญหาของอุปสงค์ในการเข้าซื้อ
ที่ผ่านมาสหรัฐมีการแซงชั่นรัสเซีย เพราะว่าไปผนวกไครเมียร์ โดยสั่งห้ามไม่ให้กองทุน หรือสถาบันการเงินใดๆเข้าไปเกี่ยวข้องกับการระดมทุนในรูปดอลล่าร์ของธนาคารหรือบริษัทรัสเซีย แถมมีการตัดขาดรัสเซียออกจากระบบSWIFT ซึ่งจทำให้รัสเซียไม่สามารถโอนเงิน หรือทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศได้ อิหร่านก็ถูกสหรัฐบอยคอตเหมือนกันไม่ให้อิหร่านขายน้ำมันเป็นดอลล่าร์ เพราะว่าเวลาใช้ดอลล่าร์ในท้ายที่สุดต้องผ่านระบบเคลียริ่งของแบงก์อเมริกัน ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐ หรือกระทรวงการคลังสหรัฐควบคุมอยู่ ใครละเมิดจะถือว่าทำผิดกฎหมายสหรัฐ จะถูกสหรัฐลงโทษอย่างรุนแรง
ในช่วงที่ผ่านมา จีนก็ถูกสหรัฐขู่ว่าจะเบี้ยวหนี้เกือบ$1ล้านล้านที่จีนเป็นเจ้าหนี้สหรัฐในรูปการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เพราะมีนักการเมือง นักเคลื่อนไหวบางคนในสหรัฐกล่าวหาว่าจีนเป็นต้นตอของไวรัสอู่ฮั่น ทำให้เกิดการระบาดมายังอเมริกา และสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจ ชีวิตและทรัพย์สินของคนอเมริกัน
จีนต้องชดใช้ด้วยการยกหนี้$1.1ล้านล้าน
เล่นง่ายๆอย่างนี้เลยนะ
การใช้ดอลล่าร์เป็นอาวุธของสหรัฐทำให้จีนมีความเสี่ยงอย่างมากในการอยู่ในกับดักดอลล่าร์ เพราะว่าวันดีคืนดีอาจจะโดนเบี้ยวหนี้ก็ได้ เช่นเรื่องข้อกล่าวหาการระบาดของไวรัส หรือการบุกไต้หวัน ซึ่งจะทำให้สหรัฐตอบโต้ด้วยการแซงชั่นจีนอย่างรุนแรง
ถ้าหากกองทัพเรือสหรัฐแล่นเข้าไปในหมู่เกาะทะเลจีนใต้เพื่อยั่วยุจีน ทำให้เกิดการปะทะกันกับกองทัพเรือจีน และความเสียหายตามมาสหรัฐอาจจะหาเรื่องเบี้ยวหนี้จีนได้ หรือยึดทรัพย์สินจีนที่ลงทุนในสหรัฐ เรื่องนี้ทำให้จีน และรัสเซียต้องหันมาพัฒนาระบบข้อมูลแบงก์ที่คล้ายกับการทำงานของ SWIFT ของตัวเองเรียกชื่อว่าCross-Border Interbank Payment Systemเพื่อรองรับความเสี่ยงในกรณีที่ถูกแซงชั่น
ซาอุดิ อาราเบีย และประเทศในตะวันออกกลางที่ร่ำรวยจากการขายน้ำมัน มีดอลล่าร์ในรีเสิร์ฟมากกำลังมีความเกรงกลัวอย่างมากที่จะถือครองทรัพย์สินดอลล่าร์ เพราะอาจถูกสหรัฐเบี้ยวหนี้ได้ เนื่องจากสหรัฐกำลังกดดันกลุ่มประเทศอาหรับ หรือมุสลิมให้รับรอง หรือสนับสนุนอิสราเอลในสงครามกัลฮามาสที่กำลังเกิดขึ้น เรื่องนี้ทำให้ซาอุดิ อาราเบียกับยูเออีได้ตัดสินใจเข้าเป็นสมาชิกของBRICS เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงในกรณีที่ถูกสหรัฐแซงชั่น
การที่สหรัฐใช้ดอลล่าร์เป็นอาวุธแซงชั่น สร้างดีมานด์เทียมให้ดอลล่าร์ เพิ่มปริมาณดอลล่าร์ในระบบทำให้เกิดเงินเฟ้อ เพราะว่าต้องก่อหนี้เพื่อรักษาระบบจักรวรรดิที่มีค่าใช้จ่ายที่สูง การใช้ดอลล่าร์ในการก่อสงครามการเงินทำให้คุณค่าหรือประโยชน์ใช้สอยของดอลล่าร์ในฐานะเงินสกุลหลักของโลกเสื่อมลงไป
จีนและประเทศต่างๆที่เน้นการส่งออกรวมท้ังประเทศไทยที่ติดกับดักดอลล่าร์จะต้องคอยทำให้ค่าเงินของตัวเองอ่อนเข้าไว้จะได้ขายของได้ดอลล่าร์เป็นรายได้เข้ามา ในขณะที่ดอลล่าร์เสื่อมค่าลงไปจากการพิมพ์เงินเพิ่มปริมาณทำให้ภายในประเทศที่เน้นการกอบโกยดอลล่าร์ต้องเผชิญกับเงินเฟ้อที่ติดร่างแหมา อำนาจซื้อของประชาชนลดลง อันเห็นได้จากคนไทยต้องบริโภคข้าวของแพงขึ้นทุกปีๆ จะซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ จ่ายค่าเทอม ค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทางค่าอาหารแพงขึ้นจนคนจนอยู่ไม่ได้
จีนไม่ต้องการอยู่ในกับดักดอลล่าร์รีเสิร์ฟนี้ จึงหาทางดัมพ์ดอลล่าร์ที่ถือในรูปของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่ง แม้ว่ามันจะเป็นหนี้ก็ตาม การดัมพ์ดอลล่าร์คือการแปลงทรัพย์สินดอลล่าร์เป็นทรัพย์สินในรูปแบบอื่น ซึ่งจีนกำลังทำด้วยการเทขายดอลล่าร์แล้วแลกซื้อเป็นทองคำ ซื้อบ่อน้ำมัน หรือลงทุนในโครงการสัมปทานในประเทศต่างๆเพื่อขยายการลงทุนในจีนในต่างประเทศ
ดอลล่าร์รีเสริฟของจีนอีกส่วนหนึ่งจะถูกดัมพ์ลงไปในโครงการเส้นทางสายไหม (One Belt One Road) ผ่านธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของเอเชีย หรือAsian Infrastructure Investment Bank (AIIB) สี จิ้นผิงเป็นผู้ที่มองกาลไกล และเป็นผู้ริเริ่มในปี 2013ที่จะรื้อฟื้นเส้นทางสายไหมโบราณให้เป็นโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะเกี่ยวโยงกับ 70ประเทศและองค์กรครอบคุมทวีปเอเชีย ยุโรปและแอฟริการ จีนจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน AIIB ซึ่งจีนจะใช้เป็นช่องทางในการดัมพ์ดอลล่าร์ หรือการแปลงทรัพย์สินดอลล่าร์ที่เป็นหนี้ของรัฐบาลสหรัฐให้เป็นทรัพย์สินที่อยู่ในรูปของโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นถนน ระบบราง โรงงานผลิตไฟฟ้า โครงการโทรคมนาคม ระบบน้ำ สนามบิน ท่าเรือ ทรัพย์สินที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ ที่มาจากการแปลงทรัพย์สินดอลล่าร์ นับวันมีแต่จะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น เพราะว่าเป็นทรัพย์สินที่จับต้องได้ และมีประโยชน์ในการใช้งาน โดยจีนและแชร์กับประเทศ และองค์กรอื่นๆที่เข้าร่วมโครงการในลักษณะวิน-วินด้วยกันทุกฝ่าย
โครงสร้างพื้นฐานของโครงการ One Belt One Road
จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนประมาณ $3ล้านล้านในระยะข้างหน้า เม็ดเงินลงทุนนี้จะมาจากจีนเป็นหลัก ด้วยการในการให้เปล่าบ้าง ให้เป็นเครดิตบ้าง ให้กู้บ้าง แล้วแต่สถานการณ์ เมื่อโครงสร้างพื้นฐานได้รับการพัฒนาแล้ว ความเจริญจะตามมาทำให้ประเทศที่เคยอยู่ในภาวะสงครามหรือความลำบากมานาน ไม่ว่าจะเป็นตะวันออกกลาง
เอเชียกลาง เอเชียใต้ แอฟริกาจะได้ประโยชน์ จีนจะได้ประโยชน์ทีหลังหลังฝ่านการค้าขายที่เพิ่มขึ้น ผ่านการลงทุนของบริษัทจีน แรงงานจีนสามารถไปทำงานที่ต่างประเทศในโครงการสายไหมใหม่ อิทธิพลของจีนท้ังการเมือง เศรษฐกิจและการเงินในโลกจะเพิ่มขึ้นโดยปริยาย ซึ่งจะทำควบคู่ไปกับการส่งเสริมความร่วมมือในBRICS ซึ่งจะทำให้จีนกลายเป็นศูนย์กลางของโลกในศตวรรษที่ 21
จึงไม่น่าแปลกใจที่สหรัฐเต้นเป็นงิ้ว หลังจากที่จีนเปิดตัว One Belt One Road เพราะว่า AIIBจะเป็นคู่แข่งกับ IMFกับธนาคารโลก ที่เป็นสถาบันหลักที่ค้ำจุนดอลล่าร์ในระบบการเงินโลกในระดับแมคโคร เพราะว่า AIIB จะเป็นเครื่องจักรที่สำคัญในการส่งเสริมการใช้หยวนแทนดอลล่าร์ในการลงทุนระหว่างประเทศ หรือการทำธุรกรรมการเงินต่างๆ หยวนจะค่อยๆมาแทนบทบาทของดอลล่าร์ในระบบการเงินโลกใหม่ผ่าน AIIB อีกทาง
สหรัฐอ้างว่าโครงการเส้นทางสายไหมใหม่นี้จะทำให้ประเทศยากจนติดหนี้จีน หรือโครงการนี้จะไม่ดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม ญี่ปุ่นก็ช็อคเหมือนกัน เพราะว่า One Belt One Road จะทำให้จีนเป็นมหาอำนาจในเอเชีย ไม่ใช่ญี่ปุ่น แม้ว่าที่ผ่านมาญี่ปุ่นจะคอยรับคำสั่งของสหรัฐมาตลอดก็ตาม อินเดียก็ไม่สบอารมณ์กับ One Belt One Road. เพราะว่าจีนไปให้เงินสนับสนุนปากีสถานที่อินเดียมองว่าเป็นศัตรูคู่กัด แย่งดินแดนแคชเมียร์กันอยู่
โจ ไบเดนทนไม่ไหวต้องประกาศโครงการฺ Build Back Better World ที่เวทีประชุมของกลุ่มG-7 ที่อังกฤษในปี2021 โดยจะเป็นโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เลียนแบบOne Belt One Road และจะให้เอกชนเข้าร่วมเป็นหลัก แต่รายละเอียดไม่มี จะทำให้เป็นรูปร่างอย่างไรก็ไม่มีความชัดเจน
ถึงตอนนี้ภาพคงจะชัดเจนมายิ่งขึ้นแล้วว่า จีนกำลังตัดหางปล่อยวัดสหรัฐ ในขณะที่สหรัฐพยายามตัดแข้งตัดขาจีน หรือเกาะจีนด้วยซ้ำ เพราะว่าในเพลานี้ที่ไม่เหมือนในอดีต สหรัฐต้องการจีนมากกว่าจีนต้องการสหรัฐ
By Thanong Khanthong, Editor
IMCT News