Thailand
17/7/67
Global Times นำเสนอสัมภาษณ์ ศาสตราจารย์เจฟฟรีย์ แซคส์ นักเศรษฐศาสตร์และนักวิชาการชาวอเมริกันชื่อดัง ซึ่งได้แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครน เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 ว่า
ศ.แซคส์ชี้ว่า สงครามที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนโดยตรง แต่เป็นการปะทะกันระหว่างรัสเซียกับสหรัฐอเมริกาบนดินแดนของยูเครน โดยระบุว่าสหรัฐฯ ได้ละทิ้งสนธิสัญญาต่อต้านขีปนาวุธเพียงฝ่ายเดียวในปี 2545 และเริ่มติดตั้งระบบขีปนาวุธในโปแลนด์และโรมาเนีย ซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนรัสเซีย
"นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้สงครามครั้งนี้อันตรายมาก เรากำลังพูดถึงมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดสองประเทศ แต่ละฝ่ายมีหัวรบนิวเคลียร์ถึง 6,000 หัว" ศ.แซคส์กล่าว
นักวิชาการรายนี้แสดงความประหลาดใจต่อความเงียบงันของชาติยุโรป โดยวิเคราะห์ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของกลไกทางการเมืองที่นำโดยสหรัฐฯ และพึ่งพาสหรัฐฯ ในฐานะร่มเงานิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม ศ.แซคส์เห็นว่าประเทศยุโรปกำลังพลาดประเด็นสำคัญ โดยชี้ว่านโยบายของ NATO ที่ให้ความร่วมมือมากขึ้นและมีความก้าวร้าวน้อยลงจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้กับยุโรปและยูเครนได้มากกว่า
ศ.แซคส์เตือนว่า "เรากำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่สงครามจะบานปลายเป็นหายนะทางนิวเคลียร์ เราไม่เคยเข้าใกล้สงครามนิวเคลียร์มากไปกว่านี้มาก่อน"
นักเศรษฐศาสตร์ผู้นี้เสนอแนวทางแก้ไขโดยอ้างถึงแนวคิด "Shu" หรือ "การตอบแทนซึ่งกันและกัน" ของลัทธิขงจื๊อ โดยเน้นย้ำว่าสหรัฐฯ ไม่ควรกระทำต่อรัสเซียและจีนในสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการให้ประเทศเหล่านั้นกระทำต่อตน
"เช่นเดียวกับที่สหรัฐฯ ไม่ต้องการให้จีนหรือรัสเซียมีฐานทัพหรือขีปนาวุธในเม็กซิโกใกล้ชายแดนสหรัฐฯ สหรัฐฯ ก็ควรเข้าใจว่าไม่ควรวางขีปนาวุธและฐานทัพของตนใกล้ชายแดนรัสเซียและจีน นี่คือกฎทองที่ขงจื๊อจะเข้าใจเป็นอย่างดี" ศ.แซคส์กล่าวทิ้งท้าย พร้อมเน้นย้ำว่าหากทุกฝ่ายปฏิบัติตามหลักการนี้ โลกจะปลอดภัยกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมาก
IMCT NEWS
ที่มา Global Times, https://youtu.be/-oLfraDNHII
© Copyright 2020, All Rights Reserved