Thailand
สหรัฐ vs จีน: ใครพึ่งพาใคร? (6)
11/03/2024
“ถ้าหากว่าไข่ถูกทำให้แตกจากภายนอก ชีวิตจะตาย ถ้าไข่แตกจากการถูกกระเทาะจากข้างใน ชีวิตจะเริ่มต้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ยิ่งใหญ่เริ่มต้นจากข้างในทั้งนั้น” Jim Kwik
เติ้ง เสี่ยวผิงเป็นทายาทรุ่นที่2ที่ขึ้นมาครองอำนาจต่อจากเหมา เจ๋อตุงระหว่างปี 1978-1989 หลังจากการสร้างชาติใหม่ ท่ามกลางความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงคร้ังใหญ่ ประเด็นคือการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นแรงกระแทกจากภายนอกหรือเป็นแรงกระเทาะจากภายใน
ถ้าจีนถูกสหรัฐบีบให้เปิดประเทศจากมหาอำนาจตะวันตกเหมือนในอดีต และต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์หรือข้อบังคับที่ต่างชาติกำหนดเอาไว้ จีนจะเดินทางไปสู่หายนะอีกรอบ เพราะว่าต้องเล่นตามเกมของตะวันตก
แต่ถ้าการเปลี่ยนแปลงนั้นมาจากแรงผลักดันภายในจีนเอง เพื่อความอยู่รอด หรือเพื่อวันข้างหน้าที่ประเทศชาติจะหลุดจากความตกต่ำและมีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าขึ้น โดยที่เกมยังอยู่ในมือจีน จีนก็จะประสบความสำเร็จในการปฏิรูปประเทศเพื่อก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลกอีกคร้ัง
จีนเป็นอารยะธรรมเก่าแก่ 5,000 ปี และมีศักยภาพทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องประชากรทั้งปริมาณและคุณภาพรวมกัน ในอดีตก่อนลัทธิล่าอาณานิคมจะเฟื่องฟู เศรษฐกิจจีนเคยมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก การฟื้นฟูจีนให้กลับมายิ่งใหญ่อีกคร้ังจึงไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้
ที่ผ่านมาจีนพลาดท่า ถูกรุกรานจากต่างชาติ ถูกย่ำยีเกียรติภูมิ ระบอบจักรพรรดิ์ที่มีมายาวนานหลายพันปีถูกทำลาย ระบบภายในไม่ได้รับการพัฒนา เพื่อที่จะต้านทานพลังจากภายนอกได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้รุกรานจากอังกฤษ ชาติตะวันตกอื่นๆ รวมท้ังญี่ปุ่นที่ต้องการเข้ามายึดครองจีน
เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ (คศ 1923-2023)นักยุทธศาสตร์ด้านต่างประเทศของสหรัฐต้องการเปลี่ยนสังคมนิยมจีนให้เป็นทุนนิยม ด้วยการใช้จีนเป็นฐานผลิตโดยย้ายโรงงานมาผลิตในจีนแล้วส่งออกอีกต่อหนึ่ง เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้บริษัทอเมริกันและบริษัทข้ามชาติเพราะแรงงานจีนถูกกว่าแรงงานในประเทศตะวันตกไม่รู้กี่ 10 เท่า
นอกจากนี้ การลงทุนของสหรัฐและต่างชาติในจีนจะทำให้จีนออกห่างจากรัสเซีย และต้องเปิดประเทศให้กว้างขึ้นในขณะเดียวกันต้องปฏิรูปโครงสร้างภายใน หรือกฎหมาย
กฎระเบียบทุกอย่างเพื่อรองรับการดำรงอยู่อย่างถูกกฎหมายของบริษัทต่างชาติ การทำธุรกิจ การนำเข้าส่งออก รวมท้ังเรื่องเงินลงทุนผ่านระบบธนาคาร การลงทุนสร้างโรงงานของจากต่างชาติ
ที่สำคัญเมื่อจีนได้ดอลล่าร์จากการส่งออกแล้ว จีนจะต้องรีไซเกิ้ลดอลล่าร์กลับไปยังสหรัฐเพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพื่อให้สหรัฐสามารถสร้างดีมานด์เทียมสำหรับดอลลาร์ และจะได้เดินหน้าใช้จ่ายเกินตัวต่อไป
เมื่อจีนพัฒนาถึงจุดที่ชนชั้นกลางมีการขยายตัว หรือมีอำนาจซื้อเพิ่ม สินค้าของบริษัทอเมริกันและบริษัทข้ามชาติจะมุ่งขายในตลาดจีนเอง ซึ่งจะทำให้ธุรกิจต่างชาติยิ่งจะเจริญเติบโตต่อไป
เมื่อจีนโตได้ระดับหนึ่งจะถูกกดดันให้เปิดเสรีระบบเศรษฐกิจและการเงินอย่างเต็มที่ให้วอลล์สตรีทที่จะเข้ามาควบคุมระบบเศรษฐกิจจีน พร้อมกับส่งออกประชาธิปไตย แนวความคิดเรื่องสิทธิเสรีภาพเข้าไปให้คนจีนรุ่นใหม่ได้เสพ ซึ่งจะทำให้การเมือง และสังคมจีนขาดเสถียรภาพ เนื่องจากสหรัฐเป็นเจ้าของดอลล่าร์ที่เป็นเงินสกุลหลักของโลก เงินหยวนรวมท้ังทุกเงินสกุลในโลกจึงเป็นเพียงเงินบริวารของดอลล่าร์ที่อยู่ฐานะได้เปรียบ สหรัฐจะทำลายค่าเงินของประเทศใดก็ได้ในสงครามการเงิน เพราะว่าธนาคารกลางของสหรัฐสามารถพิมพ์ดอลล่าร์ได้อย่างไม่จำกัด
ในขณะที่เงินทุกสกุลอื่นต้องพึ่งพาดอลล่าร์ส่วนใหญ่ หรือทองคำเป็นรีเสิร์ฟเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในเงินสกุลของตัวเอง หรือถ้าจีนหือขึ้นมา สหรัฐอาจจะยกพลขึ้นบกที่ใดในจีนก็ได้ เนื่องจากแสนยานุภาพทางทหารเทียบกันไม่ได้ (ในตอนนั้น) เพราะสหรัฐมีนิวเคลียร์ที่บอมบ์ญี่ปุ่นจนราบคาบเพื่อเป็นข่มขวัญประเทศต่างๆ
ในกรณีของจีน การเปลี่ยนแปลงมาจากทั้งการที่ประตูกำแพงเมืองจีนถูกต่างชาติเคาะ และการที่จีนยอมเปิดประตู จีนยอมเปิดประตูต้อนรับการลงทุนจากสหรัฐและต่างชาติ ด้วยการยอมขายแรงงาน ยอมเหนื่อย ยอมเสียเหงื่อเพื่อแลกกับค่าแรงถูก แต่มีข้อแม้ว่ารัฐบาลขอร่วมลงทุน จะด้วยหุ้นลมหรือหุ้นจริงก็ตาม แต่ที่สำคัญพิมพ์เขียวของเทคโนโลยีการผลิตของต่างชาติต้องกางออกมาบนโต๊ะเพื่อแบ่งปันให้คนจีนได้เรียนรู้
เมื่อบริษัทต่างชาติมีผลประกอบการที่ได้กำไร ก็ช่วยขึ้นค่าแรงด้วย คนจีนจะได้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจภายใน หรือสร้างชนชั้นกลางจากเดิมทีที่มีแต่ชนชั้นชาวนากรรมกร หรือพนักงานรัฐเป็นหลัก เพราะว่าธุรกิจจีนยังถูกห้ามในระบบสังคมนิยม
เติ้งเป็นผู้ที่ปรับเปลี่ยนระบบจีนจากระบบสังคมนิยมที่เคร่งครัด โดยเปิดทางให้เอกชนเป็นเจ้าของธุรกิจได้ โดยรัฐบาลเป็นผู้นำหรือวางแนวทางนโยบาย
ปัจจุบันแม้ว่ารัฐบาลยังคงเป็นเจ้าของรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ รวมท้ังธนาคาร แต่ธุรกิจเอกชนมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว จนมีสัดส่วนมากกว่า 50% ของจีดีพีจีนแล้วถึงแม้ว่าจีนจะมีพรรคเดียวคือพรรคคอมมิวนิสต์ แต่คำว่าคอมมิวนิสต์ใช้กับจีน หรือแม้แต่สหภาพโซเวียตไม่ได้ เพราะว่าขั้นตอนไปสู่สังคมคอมมิวนิสต์ที่ไม่มีชนชั้นยังอยู่ห่างไกลออกไป ในสังคมคอมมิวนิสต์จริงๆ ปัจจัยการผลิตทุกอย่าง รวมท้ังที่ดินทำกินเป็นของส่วนรวม ประชาชนกินดีอยู่ดีตามสังคมอุดมคติ ส่วนในระบบสังคมนิยมประชาชนยังมีสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดินทำกิน หรือปัจจัยในการผลิต
จากการที่บริษัทต่างชาติยอมเปิดเผยเทคโนโลยีการผลิตให้จีน เพราะว่ามันคุ้มที่จะลงทุนในจีน เพราะถ้าไม่ลงทุนในจีนจะไม่มีความสามารถในการแข่งขันกับบริษัทอื่นๆที่ลงทุนในจีนได้ ผลก็คือจีนกลายเป็นโรงงานของโลก ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมได้ทุกอย่าง มีระบบซับไพลเชนที่สลับซับซ้อนและใหญ่ที่ใหญ่ที่สุด ทำให้จีนมีรายได้เงินตราต่างประเทศเข้ามามากจน จีนเคยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ$4ล้านล้าน ขณะนี้เหลืออยู่ประมาณ$3.1ล้านล้าน
จีนเป็นคนหัวไว รีบก๊อปปี้เทคโนโลยีแล้วทำของเลียนแบบออกมาขาย ของเหมือนกันคุณภาพเหมือนกันกับแบรนด์ฝรั่งหรือญี่ปุ่น แต่ขายในราคาที่ถูกกว่าหลายเท่า พร้อมกันนั้นจีนส่งนักศึกษาไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเมืองนอกด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อกลับมาฟื้นฟูประเทศทำให้จีนก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว เพราะจีนรู้ดีว่า ถ้าไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองจะไม่มีวันพัฒนาประเทศได้ จะคอยพึ่งพายืมจมูกคนอื่นหายใจตลอดไปไม่ได้ น่าสังเกตุว่าประเทศไทยแม้จะเปิดประตูให้นักลงทุนต่างชาติ ยังไม่มีเทคโนโลยีของตัวเองจีนตั้งหน้าตั้งตาโกยเงินอย่างเดียวผ่านการผลิตการส่งออกและการค้า เพื่อดันจีดีพีให้เติบโต เพื่อการจ้างงาน และไล่ตามตะวันตกให้ทัน จนจีดีพีจีนโตใน%สองหลักในระยะแรกของการพัฒนา จีดีพีที่โตสร้างความมั่งคั่งให้ประเทศ สร้างงาน
สร้างการลงทุนใหม่ๆทำให้รัฐบาลมีเงินเหลือในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถนนหนทางระบบโทรคมนาคม พลังงาน รวมท้ังรถไฟความเร็วสูง และระบบรางที่ครอบคลุมทั้งประเทศ
รัฐบาลท้องถิ่นได้รับนโยบายจากปักกิ่งให้ทำอย่างไรก็ได้ให้ดันจีดีพีให้สูงเข้าไว้ มีการกระตุ้นให้ให้เกิดการแข่งขันระหว่างมณฑลต่างๆให้แข่งดันการเติบโตของจีดีพี เพราะว่าจีนต้องการวิ่งไล่กวดให้ทันประเทศอื่นในเรื่องการยกระดับการเป็นอยู่ของคนจีน ผ่านการเพิ่มรายได้ ในขณะเดียวกันธุรกิจจีนเริ่มมีการเติบโตเคียงคู่กับธุรกิจของต่างชาติในจีน
การผสมผสานกันทางเทคโนโลยี่ทำให้จีนพัฒนาระบบการผลิตอุตสาหกรรมที่ทันสมัย และสามารถขายของได้ถูกและมีคุณภาพเพิ่มมากขึ้นจนแบรนด์จีนไม่รองใครในเวลานี้ ไม่เหมือนในตอนต้นที่สินค้าจีนMade in Chinaถูกดูถูกว่าเป็นของราคาถูกจริง แต่เสียง่าย ด้อยคุณภาพ
ตลอดระยะเวลา30ปีที่ผ่านมา รายได้ที่แท้จริงของคนจีนเมื่อหักเงินเฟ้อไปแล้วเพิ่มกว่า4เท่าตัว ในขณะที่สหรัฐแรงงานรายได้แทบไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อหักเงินเฟ้อ ทำให้สี จิ้นผิงประกาศเมื่อไม่นานมานี้ว่าจีนสามารถเอาชนะสงครามความยากจนได้แล้ว คนจนจีน800ล้านคนหลุดจากระดับความยากจนภายในระยะเวลา30-40ปีของการเปลี่ยนแปลง โดยผสมผสานทุนนิยมกับสังคมนิยมแบบเอกลักษณ์จีนโดยเฉพาะจนจีนกลายเป็นมหาอำนาจเบอร์2ของโลกในเวลานี้
Thanong Khanthong, Editor
IMCT News
© Copyright 2020, All Rights Reserved