Thailand
ขอบคุณภาพจาก RT
17/7/2024
ความตึงเครียดของสงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐกับจีนกำลังทวีความร้อนแรง และเครือข่ายเคเบิ้ลใต้น้ำ กำลังเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่สร้างความตึงเครียดให้กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เคเบิ้ลใต้ท้องทะเลเปรียบเหมือนกระดูกสันหลังของอินเตอร์เน็ตโลก เพราะเป็นช่องทางส่งผ่านข้อมูลโลกถึง 99%
รัฐบาลสหรัฐประกาศเตือนให้บริษัทเทคโนโลยีชื่อดัง รวมถึง Google และ Meta ระวังว่า เคเบิ้ลใต้ท้องทะเลในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก อาจมีความเปราะบาง แล้วถูกจีนเข้ามาสอดแนมได้
ประเด็นเคเบิ้ลใต้ท้องทะเลเคยตกเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ในช่วงต้นปีนี้ หลังเคเบิ้ลใต้ท้องทะเลถูกตัดไป 4 จุด จาก 15 จุด ในทะเลแดง ท่ามกลางข่าวกลุ่มฮูตีในเยเมน ที่อิหร่านหนุนอยู่ ออกโรงอาละวาดโจมตีเรือของอิสราเอล สหรัฐ และอังกฤษ ในทะเลแดงเช่นกัน
เมื่อเดือนมีนาคม เกิดเหตุสายเคเบิ้ลสื่อสารถูกตัดในมหาสมุทรอินเดีย ทำให้ข้อมูลที่ไหลเวียนระหว่างเอเชียกับยุโรปติดขัดไป 25% กลุ่มฮูตีตกเป็นผู้ต้องสงสัยลงมือก่อเหตุ สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบโครงสร้างพื้นฐานตรงจุดนี้
ซีเอ็นเอ็นรายงานเมื่อปลายเดือนมิถุนายนว่า สงครามพลังงานในอนาคต จะไปสู้กันใต้ท้องทะเล โดยเน้นย้ำให้เห็นถึงความอุกอาจของรัสเซีย ในการแผ่ขยายอิทธิพลไปยังท้องทะเล และภัยคุกคามความมั่นคงที่อาจจะเกิดกับเคเบิ้ลใต้ท้องทะเล เพราะเป็นช่องทางเชื่อมโยงการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศถึง 99% เคเบิ้ลใต้ท้องทะเลใช้ในการส่งผ่านพลังงานและการใช้อินเตอร์เน็ต
รัสเซียอาจใช้วิธีโจมตีเป้าหมายของสหรัฐในท้องทะเล และอาจเป็นไปได้ที่จะตัดเส้นทางพลังงานของยุโรป ที่ใช้เคเบิ้ลใต้ท้องทะเลเป็นสื่อ
อุตสาหกรรมเคเบิ้ลภายในประเทศ ต่างแสดงความวิตกกับการทะลักเข้ามาของสายเคเบิ้ลใต้ท้องทะเลแบบต้นทุนต่ำจากจีน เพราะเคเบิ้ลใต้ท้องทะเลเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับการก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่น การจัดส่งพลังงานและเครือข่ายสื่อสาร ถ้าตลาดภายในประเทศเปิดรับเคเบิ้ลต้นทุนต่ำจากจีน อาจทำให้ภาคการผลิตเคเบิ้ลในประเทศล่มสลาย และยังบานปลายไปสู่ประเด็นความมั่นคงระดับชาติอีกด้วย
By IMCT News
https://www.businesskorea.co.kr/news/articleView.html?idxno=220193
© Copyright 2020, All Rights Reserved