ขอบคุณภาพจาก France 24

23/10/2024

คิม ฮง-กยุน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำเกาหลีใต้ จอร์จี ซิโนเวียฟ เข้าพบ เพื่อออกคำเตือนอย่างจริงจังถึงการที่เกาหลีเหนือส่งทหารไปยังรัสเซีย เพื่อสนับสนุนสงครามในยูเครน หลังหน่วยข่าวกรองของโซลยืนยันการเคลื่อนไหวดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (ต.ค.2024) พร้อมเรียกร้องให้ถอนกำลังพลดังกล่าวทันที

กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ระบุว่า การเรียกเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำเกาหลีใต้เข้าพบ มีจุดมุ่งหมายเพื่อสื่อถึง "จุดยืนที่เด็ดขาดของรัฐบาลเกาหลีใต้ต่อการที่เกาหลีเหนือส่งทหารไปรัสเซีย รวมถึงข้อเรียกร้องอย่างแข็งกร้าวให้ถอนทหารเกาหลีเหนือทันที และยุติความร่วมมือทางทหารที่เกี่ยวข้อง" ระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือ

"คิม ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งความร่วมมือทางทหารระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือได้ดำเนินไปตั้งแต่การเคลื่อนย้ายเสบียงทางทหารไปจนถึงการส่งทหารเกาหลีเหนือไปประจำการจริง ถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อทั้งประเทศของเราและชุมชนระหว่างประเทศ" ตามแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้

นอกจากนี้ คิมก็ยังเน้นย้ำด้วยว่า การส่งทหารไปประจำการในลักษณะดังกล่าว ละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหลายฉบับ รวมถึงละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติด้วย

“รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ประณามความร่วมมือทางทหารที่ผิดกฎหมาย รวมถึงการส่งทหารเกาหลีเหนือไปรัสเซียอย่างรุนแรงที่สุด และเตือนอย่างจริงจังว่า การกระทำใดๆ ที่คุกคามผลประโยชน์ด้านความมั่นคงหลักของเรา จะถูกตอบโต้ด้วยวิธีการทั้งหมดที่มีร่วมกับชุมชนระหว่างประเทศ”

ขณะที่ “เอกอัครราชทูตซิโนเวียฟรับฟังจุดยืนของรัฐบาลเกาหลีใต้อย่างตั้งใจ และระบุว่าเขาจะรายงานเรื่องนี้ให้ประเทศบ้านเกิดของเขาทราบอย่างแม่นยำ”

สำหรับหน่วยข่าวกรองของเกาหลีใต้ ระบุเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 ต.ค.) ว่ากองกำลังพิเศษของเกาหลีเหนือประมาณ 1,500 นายเดินทางถึงตะวันออกไกลของรัสเซียเพื่อเข้ารับการฝึกปรับตัวที่ฐานทัพทหารในพื้นที่ โดยคาดว่าจะมีกองกำลังชุดที่สองตามมาในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม หน่วยข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ไม่ได้ให้หลักฐานที่เป็นรูปธรรมเพื่อสนับสนุนข้อกล่าวอ้างดังกล่าว นอกเหนือไปจากภาพถ่ายดาวเทียมหนึ่งภาพของเรือรัสเซียที่จอดอยู่ที่ท่าเรือชองจินในจังหวัดฮัมกยองเหนือ

ด้านสถานทูตรัสเซียในกรุงโซลระบุว่าระหว่างการประชุมว่า เอกอัครราชทูตซิโนเวียฟได้เน้นย้ำว่า “ความร่วมมือระหว่างสหพันธรัฐรัสเซียและเกาหลีเหนือดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของสาธารณรัฐเกาหลี (ชื่อทางการของเกาหลีใต้)” พร้อมย้ำว่า รัสเซียและเกาหลีใต้ “มีจุดยืนที่ขัดแย้งกันในเรื่องสาเหตุของความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลี”

ขณะเดียวกัน มาร์ก รุตต์ เลขาธิการนาโต ระบุผ่านโซเชียลมีเดีย X ว่า การส่งกองทหารเกาหลีเหนือไปยังยูเครนเพื่อต่อสู้ในนามของรัสเซียจะทำให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยรุตต์ได้พูดคุยกับยุน ซอก ยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้เกี่ยวกับ “ความร่วมมือที่ใกล้ชิด” ของนาโตกับโซล รวมถึง “ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ และความมั่นคงที่เชื่อมโยงกันของภูมิภาคยูโร-แอตแลนติกและอินโดแปซิฟิก”

“เกาหลีเหนือส่งทหารไปร่วมรบกับรัสเซียในยูเครนจะถือเป็นการยกระดับความรุนแรง” รุตต์ย้ำผ่าน X

ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีแห่งยูเครน เปิดเผยต่อสาธารณะว่า กองทัพเกาหลีเหนือมีส่วนเกี่ยวข้องในสงครามรัสเซีย-ยูเครน

“เรามีหลักฐานชัดเจนว่าเกาหลีเหนือส่งคนไปรัสเซีย และพวกเขาไม่ใช่แค่คนงานในอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นทหารด้วย” ซึ่ง “เราคาดหวังว่าพันธมิตรของเราจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ปกติ จริงใจ และเข้มแข็งต่อเรื่องนี้” ตามคำกล่าวของเซเลนสกี

ส่วนลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่าเขาไม่สามารถยืนยันรายงานที่ว่า เกาหลีเหนือส่งทหารไปรัสเซีย “ในขณะนี้” ได้ แต่กล่าวเสริมว่า “นี่เป็นสิ่งที่เราจะสืบสวนต่อไปอย่างแน่นอน”

สำหรับความร่วมมือทางทหารระหว่างเปียงยางและมอสโกได้รับความสนใจมากขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียและผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมระหว่างการเยือนเปียงยางของปูตินเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา (2024) ซึ่งข้อตกลงดังกล่าว มีบทบัญญัติเกี่ยวกับความช่วยเหลือด้านการป้องกันร่วมกัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณถึงความสัมพันธ์ทางการทหารที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศ

นอกจากนี้ ปูตินก็ยังได้ยื่นสนธิสัญญาดังกล่าวต่อสภาดูมาเพื่อลงมติรับรอง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการทำให้สนธิสัญญาด้านการป้องกันเป็นทางการ

IMCT News

ที่มา https://asianews.network/seoul-warns-russian-envoy-on-north-korea-troop-deployment/