ขอบคุณภาพจาก RT

8/5/2024

ท่ามกลางการขยายตัวของเอไอ หรือ ปัญญาประดิษฐ์ เมื่อไม่นานมานี้   จึงนำมาสู่การจัดอันดับ 15 ประเทศที่มีการก่อตั้งบริษัทเอไอมากที่สุดในช่วงสิบปีที่ผ่านมา  หรือที่เรียกว่า AI Startups เป็นบริษัทเกิดใหม่ที่ได้ทุนสนับสนุนให้ดำเนินธุรกิจเอไอในประเทศนั้น ๆ ตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2023   และต้องเป็นบริษัทที่ได้รับงบลงทุนจากภาคเอกชนเกิน 1.5 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป หรือเกิน 55.5 ล้านบาท จึงจะถูกนับรวมในการจัดอันดับนี้

ผลการจัดอันดับอ้างอิงมาจาก Quid เมื่อปี 2023  ปรากฏว่า สหรัฐครองแชมป์เบอร์หนึ่ง ประเทศที่มี AI Startups มากสุดในโลก ระหว่างปี 2013 – 2023  โดยมีมากถึง 5,509 บริษัท  ตามมาด้วยจีน 1,446 บริษัท , อังกฤษ 727 , อิสราเอล 442  แคนาดา 397   ตามติดกันมาคือ ฝรั่งเศส อินเดีย ญี่ปุ่น เยอรมนี สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน และสเปน

จากข้อมูลจะเห็นได้ชัดเจนว่า สหรัฐ จีน และอังกฤษ เป็นเจ้าแห่งนวัตกรรมเอไอ   แต่ถ้ามองในแง่เงินลงทุน  สหรัฐคือนำโด่ง ด้วยเม็ดเงินลงทุนเอไอจากภาคเอกชน สูงถึง 335,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 12.39 ล้านล้านบาท  ระหว่างปี 2013 – 2023   ส่วน AI Startups ในจีน ระดมเงินลงทุนได้ 104,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.8 ล้านล้านบาท  และอังกฤษคือ 22,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 814,000 ล้านบาท

จากการวิเคราะห์เพิ่มเติมยังพบว่า  เมื่อปี 2023 การลงทุนจากภาคเอกชนเข้าไปในธุรกิจเอไอของสหรัฐ มีเพิ่มขึ้นถึง 22% จากปีก่อนหน้า   ส่วนของจีน การลงทุนลดลง 44% เช่นเดียวกับอังกฤษที่มีการลงทุนในเอไอลดลง 14.1% ในช่วงเวลาเดียวกัน

ธุรกิจเอไอที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนได้มากที่สุด คือ เอไอด้านระบบโครงสร้างพื้นฐาน , วิจัย และการควบคุมสั่งการ  เห็นชัดๆ ก็เช่น Startups ที่สร้างแอปเอไอ อย่าง ChatGPT

รองลงมาที่ดึงดูดเงินลงทุนได้มาก คือ ธุรกิจเอไอที่ใช้ในการประมวลผลภาษาธรรมชาติ  ซึ่งก็คือเอไอในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ให้คอมพิวเตอร์ทำความเข้าใจและตีความภาษาของมนุษย์  เทคโนโลยีนี้ ใช้กันหลากหลายในภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคบริการการเงิน ช่วยให้ลูกค้าเปิดแชทบอทและจะได้รับคำแนะนำทางการเงินโดยอัตโนมัติ

By IMCT News

อ้างอิงจาก https://www.visualcapitalist.com/mapped-the-number-of-ai-startups-by-country/