19/6/2024
รายงานการสำรวจประจำปีของ World Gold Council (WGC) ระบุว่า จากจำนวนธนาคารกลางกว่า 70 แห่งทั่วโลก พบสัดส่วนถึง 29% ที่มีแผนจะเพิ่มการถือครองทองคำในช่วง 12 เดือนข้างหน้า นับเป็นอัตราส่วนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการสำรวจเป็นต้นมา โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากความต้องการรักษาสมดุลพอร์ตการลงทุน ความวิตกกังวลต่อเสถียรภาพระบบการเงินโลก และความเสี่ยงจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
Kitco News โดย Neils Christensen รายงานว่า World Gold Council (WGC) เปิดเผยรายงานล่าสุดว่า ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเดินหน้าซื้อทองคำเข้าพอร์ตสำรองอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มทวีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ
จากการสำรวจประจำปีล่าสุดของ WGC พบว่าในจำนวนธนาคารกลางที่ตอบแบบสอบถาม 70 แห่ง มีสัดส่วนถึง 29% ที่วางแผนจะเพิ่มการถือครองทองคำในอีก 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเท่าที่เคยมีการสำรวจมาตั้งแต่ปี 2018
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ธนาคารกลางต้องการกักตุนทองคำเพิ่มขึ้น ได้แก่ ความต้องการปรับสมดุลพอร์ตการลงทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับนโยบาย, การผลิตทองคำภายในประเทศ, ความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของตลาดการเงินโลก รวมถึงความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตและแรงกดดันจากเงินเฟ้อซึ่งเพิ่มสูงขึ้น
ถึงแม้ล่าสุด ธนาคารกลางจีนจะเพิ่งยุติการซื้อทองคำในเดือนพฤษภาคม หลังจากที่ซื้อมาอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 18 เดือน แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมั่นใจว่า ภาพรวมธนาคารกลางทั่วโลกจะยังเป็นผู้ซื้อสุทธิต่อไป เพราะยังมีหลายแห่งที่คงเดินหน้าสะสมทองอย่างต่อเนื่อง แม้ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจยังชี้ให้เห็นมุมมองในวงกว้างของธนาคารกลางที่เห็นความสำคัญของทองคำมากขึ้น โดยสัดส่วนของผู้ร่วมตอบแบบสำรวจที่คาดการณ์ว่า การถือครองทองคำจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ อยู่ที่ระดับสูงถึง 81% มากกว่าตัวเลข 71% ในปีก่อนหน้าอย่างชัดเจน
หนึ่งเหตุผลสำคัญที่ธนาคารกลางตัดสินใจเพิ่มสัดส่วนทองคำ มาจากการเริ่มมองเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดการเงินโลก โดยเฉพาะการลดบทบาทของดอลลาร์สหรัฐฯ ในฐานะสกุลเงินสำรองหลักของโลก
โดยผลสำรวจชี้ว่ามีถึง 62% ของธนาคารกลางที่ร่วมตอบแบบสอบถาม เชื่อว่าส่วนแบ่งของดอลลาร์ในทุนสำรองทั่วโลกจะลดลงในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัดส่วนเพียง 55% ในการสำรวจปี 2023 และ 42% ในปี 2022
ในทางกลับกัน ถึง 69% ของผู้ตอบแบบสำรวจมองว่าทองคำจะกลายเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ขึ้นในทุนสำรองโลก เพิ่มขึ้นจาก 62% ในปี 2023 และ 46% ในปี 2022
อย่างไรก็ดี เมื่อแยกผลสำรวจตามกลุ่มประเทศ จะเห็นความคิดเห็นที่แตกต่างกันพอสมควร โดยธนาคารกลางในตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (EMDE) ซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนการซื้อทองคำหลักมาตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกปี 2008 จะมีทัศนคติที่เป็นลบต่อสถานะของดอลลาร์ และเป็นบวกต่อบทบาทของทองคำมากกว่า
ขณะที่ธนาคารกลางในประเทศพัฒนาแล้ว แม้จะยังให้ความเชื่อมั่นกับดอลลาร์ในระดับสูงกว่า แต่ก็ยอมรับว่าทองคำกำลังทวีความสำคัญในภูมิทัศน์การเงินโลกเช่นกัน โดยพบว่าสัดส่วนธนาคารกลางในกลุ่มนี้ที่คาดว่าทองจะมีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้น พุ่งจาก 38% ในปี 2023 มาแตะที่ 57% ในปีนี้
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการบริหารเงินสำรองของธนาคารกลาง ยังคงเป็น ระดับอัตราดอกเบี้ย, ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่นเดียวกับผลสำรวจในปีที่ผ่านๆ มา
โดยธนาคารกลางส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า เลือกที่จะถือทองเพิ่มมากขึ้น เพราะมองว่าจะช่วยเป็น "แหล่งเก็บมูลค่า/ป้องกันเงินเฟ้อในระยะยาว", "มีประสิทธิภาพในช่วงวิกฤต", "กระจายความเสี่ยงในพอร์ตได้ดี", และ "ไม่มีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้"
โดยสรุปแล้ว ผลการสำรวจรอบนี้สะท้อนให้เห็นว่า ทั้งประเทศในตลาดเกิดใหม่และประเทศพัฒนาแล้ว ต่างมองเห็นบทบาทความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของทองคำที่เพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และความกังวลเกี่ยวกับความเปราะบางของระบบการเงินโลก ซึ่งเป็นความท้าทายร่วมกันที่ทุกฝ่ายต่างต้องเผชิญในระยะต่อจากนี้
IMCT NEWS
ที่มา Kitco News https://www.kitco.com/news/article/2024-06-18/why-central-banks-are-increasing-their-gold-reserves-29-plan-buy-more-2024
https://x.com/KitcoNewsNOW/status/1802961714910232689