ขอบคุณภาพจาก Asia News Network
3/7/2024
The Korea Herald รายงานว่า เกาหลีเหนือเปิดตัวขีปนาวุธนำวิถี 2 ลูกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 ก.ค.) โดยกองทัพเกาหลีใต้สันนิษฐานว่าอย่างน้อยหนึ่งในนั้นอาจเป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้ KN-23 ที่จัดหาให้รัสเซียเพื่อใช้กับยูเครนในสนามรบ
การยิงขีปนาวุธครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการประชุมพรรคครั้งสำคัญ ซึ่งมีผู้นำ คิม จองอึน ของเกาหลีเหนือเป็นประธานตั้งแต่วันศุกร์ ซึ่งกำลังมีการพิจารณานโยบายสำคัญๆ ภายในประเทศและต่างประเทศ ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียเยือนเปียงยางซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
กองทัพเกาหลีใต้ตรวจพบว่าเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ 2 ลูกเมื่อเวลา 05.05 น. และ 05.15 น. ตามลำดับ ทางตะวันออกเฉียงเหนือจากพื้นที่ชางยอน-กุน ในจังหวัดฮวางแฮใต้ ตามการระบุของเสนาธิการร่วม
ขีปนาวุธพิสัยใกล้ลูกแรกเดินทางได้ไกลประมาณ 600 กิโลเมตร ซึ่งเสนาธิการร่วมเกาหลีใต้สันนิษฐานว่าเป็น KN-23 หรือที่รู้จักในชื่อ ฮวาซอง-11
ในทำนองเดียวกัน เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธฮวาซอง-11 จำนวน 2 ลูกจากพื้นที่ชางยอน ซึ่งทั้งสองลูกดังกล่าวบินเป็นระยะทางประมาณ 610 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 14 มีนาคมปีที่แล้ว (2023)
อย่างไรก็ตาม ขีปนาวุธลูกที่สองบินได้ไกลเพียง 120 กิโลเมตร ซึ่ง พ.อ.ลี ซุงจุน โฆษกเสนาธิการร่วม กล่าวถึง "ความเป็นไปได้ที่ขีปนาวุธจะประสบกับการบินที่ผิดปกติในระยะเริ่มแรก" โดย พ.อ.ลีกล่าวว่า หากขีปนาวุธ “ระเบิดระหว่างการบินที่ผิดปกติ ก็มีโอกาสที่เศษซากอาจตกลงไปในทะเล”
สำหรับพื้นที่ดังกล่าว อยู่ห่างออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 120 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ภายในพื้นที่ภายในประเทศของเกาหลีเหนือ ใกล้กับกรุงเปียงยาง ทำให้ พ.อ.ลีตั้งข้อสังเกตถึงความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนืออาจกำลังทดสอบอาวุธใหม่
การยิงขีปนาวุธดังกล่าวเกิดขึ้นห้าวันหลังจากที่เกาหลีเหนืออ้างว่าประสบความสำเร็จในการทดสอบพัฒนาขีปนาวุธที่บรรทุกหัวรบหลายหัว ซึ่งเกาหลีใต้มองว่าเป็น “การหลอกลวงและการพูดเกินจริง” โดยสังเกตว่าขีปนาวุธดังกล่าวระเบิดกลางอากาศหลังจากรูปแบบการบินที่ผิดปกติระหว่างการขึ้นสู่ท้องฟ้า
ในการพัฒนาคู่ขนาน สื่อของรัฐเกาหลีเหนือรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 ก.ค.) ว่าการประชุมใหญ่ครั้งที่ 10 ของคณะกรรมการกลางที่ 8 ของพรรคแรงงานเกาหลี ยังคงดำเนินต่อไปในวันอาทิตย์ (30 มิ.ย.) เป็นวันที่ 3 ติดต่อกันนับตั้งแต่เริ่มวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 มิ.ย.)
โดยตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา เกาหลีเหนือได้จัดการประชุมใหญ่ของพรรคหลายวันในเดือนมิถุนายน เพื่อทบทวนสถานการณ์การบริหารบ้านเมืองช่วงกลางปี และเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับครึ่งหลังของปี
การประชุมของพรรคแรงงานเกาหลีครั้งนี้ได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากเกิดขึ้นหลังจากคิมและปูตินลงนามในสนธิสัญญาเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างเปียงยางและมอสโก สู่ความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม ตลอดจนกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการทหาร โดยในวันที่สาม ผู้เข้าร่วมได้ดำเนินการ “ศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับร่างมติที่จะเสนอต่อที่ประชุมใหญ่” ตามรายงานของสื่อของรัฐเกาหลีเหนือ
นอกจากนี้ คิมยังได้กล่าว “สุนทรพจน์สำคัญที่ชี้แจงทิศทางหลักของงานในช่วงครึ่งหลังของปี และงานสำคัญในการแก้ไขปัญหาเชิงนโยบายเร่งด่วน” เมื่อวันเสาร์ ตามรายงานของสื่อทางการเกาหลีเหนือ โดยไม่ลงรายละเอียดเพิ่มเติม
สำหรับการประชุมใหญ่ของพรรคทำหน้าที่เป็นเวทีสำหรับหารือและประกาศนโยบายสำคัญในประเทศและต่างประเทศในช่วงหลายปีที่การประชุมสมัชชาพรรคไม่อยู่ในสมัยประชุม การประชุมครั้งล่าสุดซึ่งจัดขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว (2023) ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เนื่องจากคิมให้นิยามความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีว่า “เป็นศัตรู” และ “ทำสงคราม”
ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่งของแผนพรรคคือ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่คิมจองอึนเข้ารับตำแหน่งในเดือนธันวาคมปี 2011 มีผู้เห็นผู้ปฏิบัติงานในพรรคปักหมุดที่มีรูปเหมือนของเขาเพียงผู้เดียว จากภาพถ่ายในวันที่สองของการประชุม Plenum ที่เผยแพร่โดยสำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีเหนือ ขณะที่เจ้าหน้าที่และประชาชนในเกาหลีเหนือมักติดเข็มกลัดที่เป็นรูปของผู้ก่อตั้งคิม อิลซุง และผู้นำคิม จองอิล ผู้ล่วงลับ
ด้านกระทรวงรวมชาติเกาหลี ประเมินว่า การปรากฏตัวครั้งแรกของตราดังกล่าวสอดคล้องกับ “การบูชารูปเคารพของคิม จองอึน ซึ่งได้รับการส่งเสริมอย่างจริงจัง” นับตั้งแต่การประชุมสมัชชาพรรคที่ 8 ในปี 2021 ซึ่งถือเป็นปีที่ 10 ในการปกครองของเขา
รูปถ่ายของผู้นำตระกูลคิมทั้ง 3 คนถูกแสดงต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม ในพิธีเปิดโรงเรียนฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานส่วนกลางที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังได้ละเว้นจากการใช้คำว่า "วันแห่งดวงอาทิตย์" ซึ่งเป็นสำนวนอันเป็นที่นับถือสำหรับวันครบรอบวันเกิดของคิม อิลซุง เมื่อวันที่ 15 เมษายน คิม อินแอ รองโฆษกกระทรวงการรวมชาติเกาหลีอธิบาย
“กระแสนิยมมากมายที่นับถือคิมจองอึนถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะมองข้ามมรดกของผู้นำคนก่อนๆ ขณะเดียวกันก็สร้างสถานะของเขาในฐานะผู้นำอิสระ” คิมกล่าว “นอกจากนี้ก็ยังถูกมองว่าเป็นความพยายามในการเสริมสร้างความสามัคคีภายในและรักษาความชอบธรรมของการปกครอง ท่ามกลางความไม่พอใจของสาธารณชนที่เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากความยากลำบากทางเศรษฐกิจและการไหลเข้าของอิทธิพลภายนอก เช่น ฮันรยู (Korean Wave-กระแสนิยมวัฒนธรรมร่วมสมัยเกาหลีใต้)”
IMCT News
ที่มา https://asianews.network/north-korea-fires-more-missiles-as-kim-jong-un-strategises-policies/