Thailand
ขอบคุณภาพจาก : สำนักข่าวซินหัว
18/3/2024
สหรัฐเริ่มรู้ตัวว่าต่อไปจะพ่ายแพ้จีนในสงครามเศรษฐกิจหลังจากเกิดวิกฤติการเงินของวอลล์สตรีทในปี 2008-2009
ในช่วงเวลานั้นหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นซีไอเอ สภาคมความมั่นคง เพนตากอน กระทรวงการคลังมีการสร้างสถานการณ์แบบจำลองของสงครามการเงินและสงครามเศรษฐกิจที่คล้ายกับสถานการณ์จริงที่มีจีนเป็นศัตรู ปรากฎว่าสหรัฐแพ้จีนทุกรูปแบบ อันนำไปสู่นโยบายของประธานาธิบดีโอบามาในการเปิดเกมเผชิญหน้ากับจีน หรือปิดล้อมจีน เพื่อที่จะสกัดอิทธิพลของจีนในเวลาเศรษฐกิจและการเมืองโลก
โอบามาประกาศว่าสหรัฐได้กลับมาปักหมุดที่เอเชีย โดยส่งสัญญาว่าสหรัฐยังคงเป็นมหาอำนาจของเอเชียแปซิฟิคอยู่ แม้ว่าที่ผ่านมาอาจจะเหินห่างจากเอเชียไปนาน หรือไม่ให้ความสนใจกับเอเชียมากเท่ากับความสำคัญของเอเชียที่เป็นภูมิภาคที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงที่สุดในโลก ทั้งนี้เพราะว่าสหรัฐมัวไปปิดล้อมรัสเซีย หรือทำสงครามในตะวันออกกลาง
ในปี 2014จีนได้กลิ่นความเกี่ยวข้องของสหรัฐในการสนับสนุนแนวร่วม Occupy Central ที่ออกมาต่อต้านฮ่องกง อย่างไรก็ดี ในสมัยโอบามา จีนยังไม่ได้เป็นโฟกัสของการดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าว เนื่องจากโอบามาที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และมัวแต่พะว้าพะวงในการก่อสงครามใน 7 ประเทศคือ อัฟกานิสถาน ปากีสถาน อิรัก ซีเรีย ลิเบีย โซมาเลีย และเยเมนที่ต่างโดนโอบามาสั่งบอมบ์ทั้งนั้น
สงครามเย็นกับจีนมาก่อตัวเต็มรูปแบบสมัยของประธานาธิบดีทรัมป์ จะเห็นได้ว่าเดโมแครตและรีพับพลีกันเอาเข้าจริงแล้วก็มีนโยบายไม่ได้แตกต่างกันอะไรในด้านการต่างประเทศและความมั่นคง
ทรัมป์ดำเนินนโยบายที่ต่อเนื่องจากโอบามา ด้วยการปล่อยสโลแกนหาเสียง “Make America Great Again” และAmerica First เพื่อสร้างกระแสชาตินิยม และมุ่งเป้าไปยังจีนว่าเป็นปัญหาที่ทำให้สหรัฐตกต่ำ โดยที่สหรัฐไม่โทษตัวเอง ทรัมป์กล่าวหาว่าจีนทำการค้าที่ไม่เป็นธรรม เพราะบริษัทอเมริกันไปตั้งฐานธุรกิจและฐานผลิตที่จีนหมด ทำให้คนจีนแย่งงานคนอเมริกันไป การส่งออกของจีนทำให้สหรัฐต้องขาดดุลมหาศาลในแต่ละปี และทำให้จีนมีรายได้ที่เกินดุลมากที่สุดในโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่แฟร์ เพราะว่าจีนเอาแต่ส่งออกแต่ไม่ซื้อสินค้าอเมริกัน
ทรัมป์เรียกร้องให้บริษัทอเมริกันปิดโรงงานในจีนเพื่อย้ายฐานผลิตกลับมาที่อเมริกา เพื่อสร้างงานและสร้างธุรกิจให้คนอเมริกัน ถ้าหากบริษัทอเมริกันอยากจะได้แรงจูงใจ หรือมาตรการภาษีอะไรก็ว่ามา ทรัมป์พร้อมสนองเต็มที่
ทรัมป์คุยโวว่าเขาเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่กล้าเผชิญหน้ากับจีนเพื่อแก้ปัญหาการค้าที่ไม่เป็นธรรม พร้อมกันนั้นทรัมป์ได้ขึ้นภาษีศุลกากรทำหรับสินค้านำเข้าจากจีน และถูกจีนตอบโต้แบบตาต่อตาปันต่อฟัน
แต่การเมืองก็คือการเมือง ธุรกิจก็คือธุรกิจ บริษัทอเมริกันไม่ได้ย้ายกลับประเทศตามที่ทรัมป์เรียกร้อง เพราะว่าค่าแรงสหรัฐ หรือค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจในสหรัฐสูงกว่าจีนหลายเท่า นอกจากนี้จีนเป็นศูนย์กลางของระบบซับไพลเชนของโลก การที่โรงงานสหรัฐจะย้ายกลับไปได้ ระบบซัพพลายเชนต้องย้ายกลับไปตาม ซึ่งต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะสร้างได้
การที่ทรัมป์ใช้สโลแกน Make America Great Again เท่ากับเป็นการยอมรับว่าสหรัฐไม่ได้ยิ่งใหญ่อีกต่อไป จึงจำเป็นที่ต้องได้รับการฟื้นฟู ด้วยการดำเนินชนจีนแบบตรงๆโดยไม่ต้องเกรงใจกันอีกต่อไป แต่ภาษีของทรัมป์ที่เก็บจากจีนไม่ได้ช่วยให้การขาดดุลการค้าลดลง แถมเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ ปรากฎว่าการขาดดุลของสหรัฐเพิ่มเป็นเท่าตัวในสมัยทรัมป์ เพราะว่าสหรัฐไม่ได้ผลิตสินค้า มีแต่บริโภค ถ้าไม่ซื้อจากจีน แล้วจะให้ซื้อจากใคร สินค้าในห้าง Wal-Mart ทำมาจากจีนท้ังนั้น
เมื่อเล่นงานจีนทางการค้าไม่ได้ ทรัมป์หาเรื่องจีนว่า รัฐบาลจีนให้การสนับสนุนโครงการ Made in China 2025 ที่จีนต้องการสร้าง ความเป็นเลิศเทคโนโลยีด้านต่างๆ เพื่อที่จะไม่ต้องพึ่งพาต่างชาติ โดยกล่าวหาว่าการที่รัฐบาลไปให้เงินสนับสนุนการทำวิจัย พัฒนาโครงการ Made in China 2025 เท่ากับเป็นการที่รัฐให้การอุดหนุนด้านเทคโนโลยี ซึ่งเป็นการค้าที่ไม่เป็นธรรม เพราะว่าบริษัทอเมริกันใช้เงินระดมทุนของตัวเอง ไม่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐ
ปรากฎว่าสหรัฐกลัวว่าเทคโนโลยีของจีนจะไปไกลถึงขนาดสหรัฐจะตามไม่ทัน ซึ่งตอนนี้เทคโนโลยีการผลิตส่วนใหญ่ของจีนก็แซงหน้าสหรัฐไปแล้ว เพราะว่าสหรัฐเน้นเรื่องทางการเงินมากกว่าการผลิต
ในช่วงที่มีการเจรจาการค้ากัน สหรัฐกล่าวหาว่าจีนทำการค้าไม่เป็นธรรม มีการขโมยเทคโนโลยีของสหรัฐบีบยังคับให้บริษัทอเมริกันต้องเปิดเผยข้อมูลความลับทางการค้าและเทคโนโลยีการผลิต
นอกจากนี้เทคโนโลยีของจีนแอบติดตั้งอุปกรณ์ดักฟังข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าของหัวเหว่ย จึงจำเป็นที่ต้องแบนระบบ5จีของหัวเหว่ย สหรัฐไม่ได้แบนหัวเหว่ยประเทศเดียว แต่ได้ล็อบบี้ให้ประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อังกฤษ แคนาดา อินเดียให้แบนหัวเหว่ยอีกด้วย แถมให้แคนาดาจับลูกสาวของผู้ก่อตั้งหัวเหว่ยเป็นตัวประกันที่เมืองแวนคูเวอร์ข้อหาละเมิดกฎหมายการค้าของสหรัฐ เพราะว่าบริษัทลูกของหัวเหว่ยไปค้าขายกับอิหร่าน
นอกจากนี้ สหรัฐมีการแซงชั่นฮ่องกง ให้การสนับสนุนนักศึกษาฮ่องกงให้ประท้วงรัฐบาลปักกิ่งเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย หรือแยกฮ่องกงเป็นรัฐอิสระ แม้ว่าปักกิ่งจะประนีประนอมยอมให้ฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษหลังจากรับมองการส่งคืนเกาะฮ่องกงจากอังกฤษในปี 1997 เกิดเหตุจลาจลวุ่นวายในฮ่องกง มีการเผาบ้านเผาเมืองและประท้วงรายวัน แต่ทางเจ้าหน้าที่ฮ่องกงใช้ความอดทนเป็นพิเศษในการปราบม็อบอาตี๋อาหมวย
การทีสหรัฐเล่นงานฮ่องกง เพราะว่าจีนใช้ระบบ Shanghai Connect ที่เชื่อมโยงกับฮ่องกงเพื่อที่จะดึงเอาเม็ดเงินลงทุนเข้าไปสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในจีนที่ต้องการใช้เงินมาก ส่วนมากแล้วเงินจากยุโรปเข้าจีนทางช่องทางของฮ่องกงก่อนเข้าไปในจีนต่อไป สหรัฐไม่ต้องการเห็นจีนได้ประโยชน์ในเรื่องนี้จึงหาเรื่องป่วนฮ่องกง
ในเมื่อปักกิ่งให้ฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษ ดูแลกันเองโดยมีระบบศาล ตำรวจ สภา เงินตราดอลลาร์ฮ่องกง รัฐบาลฮ่องกงเพื่อรักษาสถานภาพการเป็นศูนย์กลางทางการเงินของฮ่องกง แต่สหรัฐกับอังกฤษกลับไปละเมิดข้อตกลงนี้ ด้วยการสนับสนุนประชุมนุมประท้วงฮ่องกงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย และขอแยกตัวเป็นรัฐอิสระ ซึ่งเป็นสิ่งที่จีนยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้โดยเด็ดขาด
ปักกิ่งจึงส่งคนเข้าไปดูแลฮ่องกงเป็นพิเศษ เพราะว่าให้ปกครองกันเองดีๆไม่ชอบ จึงต้องใช้ไม้แข็งเข้าไปจัดการ เมื่อใช้ไม้แข็ง ต่างชาติก็ด่าจีนว่าต้องการยึดฮ่องกงด้วยอำนาจเผด็จการ ไม่ต้องการให้ฮ่องกงเจริญรุ่งเรื่อง
นอกจากฮ่องกงแล้ว สหรัฐไปไกลถึงขนาดกล่าวหาว่าจีนละเมิดสิทธิมนุษยชนกับชาวอุยกูรย์ที่ซินเจียง มีแผนการที่จะส่งกองทัพไปยึดเกาะไต้หวัน และต้องการครอบครองหมู่เกาะในทะเลจีนใต้แต่ผู้เดียว พูดง่ายๆว่าสหรัฐเล่นงานจีนเป็นชุดๆ เพื่อที่จะดิสเครดิตจีน ว่าไม่สมควรที่จะเป็นมหาอำนาจโลก เพราะว่าจีนมีพฤฒิกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ พร้อมกล่าวหาว่า พรรคคอมมิวนิสต์เป็นพรรคเผด็จการ จีนมีค่านิยมแบบเผด็จการที่แตกต่างจากสิทธิเสรีภาพหรือเสรีนิยมประชาธิปไตยของสหรัฐ
ที่สำคัญที่สุด เมื่อเกิดการระบาดของโคโรนาไวรัสที่เมืองอู่ฮั่น ทรัมป์เรียกไวรัสว่า Chinese virus กล่าวหาว่าจีนเป็นผู้สร้างไวรัส เรื่องราวต้นตอการระบาดของไวรัสเกิดขึ้นมาได้อย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความตั้งใจที่จะให้ไวรัสทำลายเศรษฐกิจจีนไม่ได้มีผลมาก เพราะว่าเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปได้รับผลกระทบจากไวรัสมากกว่าจีนที่มีการบริหารจัดการโรคระบาดได้อย่างเด็ดขาดตั้งแต่ต้น
จะเห็นได้ว่ารัฐบาลจีนมีการดูแลเรื่องเครดิตหรือการปล่อยกู้เป็นเวลาปีกว่าในช่วงการระบาดขอโควิด แสดงว่าจีนกลัวเงินเฟ้อหรือฟองสบู่มากกว่ากว่าไวรัส ในขณะที่สหรัฐปั๊มเงินเข้าระบบมหาศาล รวมท้ังดำเนินนโยบายพิมพ์เงินทำคิวอี กดดอกเบี้ยลงเหลือ 0% เพื่อที่จะอุ้มฐานะการคลังของรัฐบาลสหรัฐ และอุ้มตลาดหุ้นในสงครามเย็นที่ผ่านมาต้ังแต่โอบามา ทรัมป์ถึงไบเดน ยังไม่ปรากฎชัดว่าจีนเพลี่ยงพล้ำต่อสหรัฐ
สี จิ้นผิงไม่ได้ออกมาตอบโต้อะไร ได้แต่ปล่อยระดับรัฐมนตรี หรือโฆษกกระทรวงการต่างประเทศออกมาพูดแทนเพราะว่าผู้นำสหรัฐใช้คำพูดที่ค่อนข้างที่รุนแรงที่ภาษาทางการทูตไม่ใ้ช้กัน
ในทางตรงข้ามสียืนพื้นหนักแน่นในจุดยืนของตัวเองที่มั่นคง ไม่ยอมลดราวาศอกทำให้สหรัฐยังทำอะไรจีนได้ไม่ถนัดมือ เพราะว่าจีนเป็นผู้ผลิต สหรัฐเป็นผู้ซื้อ จีนเป็นเจ้าหนี้ สหรัฐเป็นลูกหนี้ อำนาจการต่อรองจึงไม่เหมือนกัน
By Thanong Khanthong, Editor
IMCT News
© Copyright 2020, All Rights Reserved