ขอบคุณภาพจาก RT
24/10/2024
เอกสารวิจัยเมื่อไม่นานมานี้โดยธนาคารกลางเมืองมินเนอาโพลิส ประเทศสหรัฐ แนะนำว่า สินทรัพย์เช่น บิทคอยน์ ควรถูกเก็บภาษีหรือแบน เพื่อให้หลายรัฐบาลยังคงดำเนินนโยบายขาดดุลงบประมาณได้ต่อไป
ในยุคที่รัฐบาลพยายามจะดำเนินนโยบายขาดดุลงบประมาณอย่างถาวร การมีอยู่ของบิทคอยน์จะสร้างปัญหาให้กับการบังคับใช้นโยบาย เพราะบิทคอยน์จะนำมาซึ่งกับดักงบประมาณแบบสมดุล เป็นแนวทางที่รัฐบาลถูกบังคับให้ต้องจัดทำงบประมาณแบบสมดุล
การขาดดุลงบประมาณมักเกิดขึ้นเมื่อรัฐบาลจ่ายมากกว่าที่หามาได้ ซึ่งรายได้ของรัฐก็มาจากภาษีและอื่นๆ ส่วนการจัดทำงบประมาณขาดดุลแบบถาวร ก็หมายถึง รัฐบาลมีแผนที่จะคงการจับจ่ายมากกว่าที่หามาได้ ต่อไปอย่างเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
สหรัฐมีหนี้สาธารณะพุ่งไปอยู่ที่ 35.7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,200 ล้านล้านบาท และยังคงดำเนินนโยบายขาดดุลงบประมาณต่อไป ตัวเลขการจับจ่ายของภาครัฐ กับรายได้จากภาษีที่เข้ามา มีความแตกต่างกันถึง 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ในปัจจุบัน หรือประมาณ 60 ล้านล้านบาท
รอยเตอร์ส รายงานว่า ปัจจัยใหญ่สุดที่ทำให้สหรัฐขาดดุลงบประมาณในปีนี้ ( 2024 ) ซึ่งถือว่า เป็นการขาดดุลงบประมาณใหญ่สุดนับจากยุคโควิดระบาด ก็คือ ดอกเบี้ยหนี้สาธารณะที่พุ่งขึ้นถึง 29% มาอยู่ที่ 1.13 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 40 ล้านล้านบาท เป็นผลจากดอกเบี้ยพุ่งขึ้น และหนี้ที่ก่อตัวมากขึ้น
หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ VanEck ระบุว่า ธนาคารกลางเมืองมินเนอาโพลิส ของสหรัฐ ร่วมกับธนาคารกลางยุโรป โจมตีบิทคอยน์
ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางยุโรป เผยเอกสารอ้างว่า ผู้ที่ถือครองบิทคอยน์ตั้งแต่แรกๆ กำลังได้ผลกำไร ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่มาจากผู้ที่เข้าถือบิทคอยน์ในยุคหลังๆ ด้วยเหตุนี้ สินทรัพย์นี้ควรมีกฎหมายเข้าควบคุม เพื่อป้องกันราคาพุ่งมากไปกว่านี้ หรือ แบนไปเลยก็ได้
ที่ปรึกษาการจัดการอาวุโสของธนาคารกลางยุโรป โพสต์ลง X ว่า คนที่ไม่มีบิทคอยน์อยู่ในมือ ควรรับรู้ว่า ที่บิทคอยน์มีราคาขึ้น เป็นเพราะต้องการกระจายความมั่งคั่งคืนกลับให้ผู้ที่ถือครองบิทคอยน์มาตั้งแต่ต้น และจะทำให้ประชากรทั่วไปจนลงในที่สุด ดังนั้น ควรออกนโยบายเพื่อควบคุมการเติบโตของบิทคอยน์ หรือ กำจัดทิ้งไปเลยก็ได้
พวกเขายังมองว่า นักลงทุนบิทคอยน์มองสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้ว่า เป็นยิ่งกว่าทองคำเสียอีก และพุ่งเป้าไปที่การสร้างความมั่งคั่งแต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้มุ่งหวังว่า จะใช้บิทคอยน์มาเป็นสื่อในการชำระเงิน บิทคอยน์ยังถูกใช้กับกลุ่มล็อบบี้คริปโตและสาวกคริปโต เพื่อกำหนดผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐด้วย
ในมุมมองทางเศรษฐกิจ บิทคอยน์ไม่ได้เป็นตัวเพิ่มศักยภาพการผลิตให้กับระบบเศรษฐกิจเลย ดังนั้น ความมั่งคั่งที่เกิดจากราคาบิทคอยน์ที่พุ่งสูง จึงเหมือนเกมกินรวบ คือ ต้องมีฝ่ายใดชนะ และฝ่ายใดแพ้
ถ้าผู้ถือครองบิทคอยน์ เพิ่มการจับจ่าย ผลกระทบจากเงินเฟ้อ ก็จะทำให้ธนาคารกลางต้องขึ้นดอกเบี้ย พาลเดือดร้อนไปกับทุกคน รวมถึงผู้ที่ไม่ได้มีบิทคอยน์อยู่ในมือ และหากการลงทุนเปลี่ยนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดผลผลิตจริงๆ ไปสู่บิทคอยน์ การเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคตก็จะเกิดผลลบแน่นอน
By IMCT News
อ้างอิงจาก https://www.kitco.com/news/article/2024-10-22/fed-and-ecb-push-bitcoin-ban-enable-permanent-deficits
https://cointelegraph.com/news/governments-either-tax-ban-bitcoin-maintain-deficits-fed