เยอรมันส่วนใหญ่หนุน นำ'ภาษีความมั่งคั่ง' กลับมาใช้
36 0C
Thailand
Thailand
11/7/67
ประชาชนเยอรมนีกว่า 2 ใน 3 สนับสนุนการนำภาษีความมั่งคั่งกลับมาบังคับใช้ใหม่ หวังกระจายความมั่งคั่งและสร้างความเท่าเทียมในสังคม
สำนักข่าวซินหัว ว่า ผลสำรวจล่าสุดจากสถาบันวิจัยฟอร์ซา เผยให้เห็นว่าชาวเยอรมันส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 62 สนับสนุนให้มีการนำภาษีความมั่งคั่งกลับมาบังคับใช้ใหม่ โดยจะเรียกเก็บจากบุคคลและบริษัทเอกชนที่มีทรัพย์สินตั้งแต่ 1 ล้านยูโรขึ้นไป ซึ่งภาษีนี้เคยถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปี 1997 และกลายเป็นประเด็นถกเถียงมาโดยตลอด กระแสเรียกร้องให้นำภาษีนี้กลับมาใช้ใหม่มาจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งหลายกลุ่มการเมือง โดยเฉพาะฝ่ายซ้าย สังคม และอนุรักษ์นิยม
ขณะที่มีเพียงกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเสรีประชาธิปไตย (FDP) และพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี (AfD) ฝ่ายขวาเท่านั้นที่คัดค้าน ท่ามกลางความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยตัวเลขชี้ว่าคนรวยที่สุดเพียงร้อยละ 1 ครอบครองสินทรัพย์การเงินของประเทศถึงร้อยละ 41.1 ขณะที่หลายประเทศในยุโรปยังคงมีการเก็บภาษีความมั่งคั่งนี้อยู่ และแม้แต่เหล่ามหาเศรษฐีเองก็เริ่มออกมาเรียกร้องให้เก็บภาษีตนเองมากขึ้นแล้ว
ผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (9 ก.ค.67) พบว่าพลเมือง 2 ใน 3 หรือคิดเป็นร้อยละ 62 สนับสนุนให้บุคคลและบริษัทเอกชนต้องจ่ายภาษีความมั่งคั่งสำหรับทรัพย์สินจำนวน 1 ล้านยูโร (ราว 39.4 ล้านบาท) หรือมากกว่านั้น
ผู้ที่เห็นด้วยกับการนำภาษีความมั่งคั่งกลับมาใช้ใหม่ครอบคลุมหลายกลุ่มการเมือง ซึ่งเสียงส่วนใหญ่มาจากกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งฝ่ายซ้าย สังคม และอนุรักษ์นิยม โดยมีเพียงผู้มีสิทธิเลือกตั้งฝ่ายพรรคเสรีประชาธิปไตย (FDP) และพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี (AfD) ฝ่ายขวาเท่านั้นที่ต่อต้านการดำเนินการดังกล่าว
เยอรมนีซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรป มีช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนที่กำลังขยายกว้างขึ้น การศึกษาล่าสุดโดยองค์กรอ็อกซ์แฟม (Oxfam) พบความมั่งคั่งของชาวเยอรมันที่ร่ำรวยที่สุด 5 อันดับแรกเพิ่มขึ้นร้อยละ 74 แตะที่ 1.55 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.64 ล้านล้านบาท) ตั้งแต่ปี 2020 โดยกลุ่มคนที่รวยที่สุดเพียงร้อยละ 1 เป็นเจ้าของสินทรัพย์การเงินของประเทศถึงร้อยละ 41.1
ปัจจุบันฝรั่งเศส สเปน และสวิตเซอร์แลนด์ยังคงเรียกเก็บภาษีความมั่งคั่ง และแม้กระทั่งในกลุ่มคนร่ำรวยเองยังตระหนักว่าเงินเป็นสิ่งที่ควรถูกจัดสรรอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น ตัวอย่างเช่น โครงการริเริ่มแท็กซ์มีนาว (taxmenow) ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มคนร่ำรวยในกลุ่มประเทศที่พูดภาษาเยอรมันที่เรียกร้องให้มีการเก็บภาษีที่สูงขึ้น
องค์กรอื่นๆ อีกหลายแห่งกำลังรณรงค์ให้นำภาษีความมั่งคั่งกลับมาใช้ใหม่ โดยเวเรนา เบนเตเล เจ้าหน้าที่จากสมาคมสังคมวีดีเค (VdK) กล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่มหาเศรษฐีในประเทศนี้จะต้องรับผิดชอบมากขึ้น และมีส่วนร่วมในสังคมที่ยุติธรรม
IMCT NEWS
ที่มา สำนักข่าวซินหัว https://www.xinhuathai.com/eco/449355_20240710
