Thailand
ขอบคุณภาพจาก RT
6/10/2024
อินเดียและสหรัฐฯ ได้ลงนามข้อตกลงเพื่อ "ขยายและกระจายความหลากหลาย" ของห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญของลิเธียม โคบอลต์ และแร่ธาตุที่สำคัญอื่นๆ โดยทั้งสองประเทศกำลังพยายามหาทางเอาชนะการพึ่งพาจีนซึ่งครองแหล่งผลิตลิเธียมในระดับโลก จากการที่ลิเธียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและเศรษฐกิจพลังงานสะอาด
สำหรับข้อตกลงดังกล่าวที่ได้รับการลงนามเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (3 ต.ค.) โดยนายปิยุช โกยัล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของอินเดียที่เดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน และนางจีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ จะ"ใช้จุดแข็งที่เสริมซึ่งกันและกันเพื่อให้แน่ใจว่าภาคส่วนแร่ธาตุที่สำคัญมีความสามารถในการฟื้นตัวได้ดีขึ้น" โดยทั้งสองประเทศให้ความสำคัญกับ“การระบุอุปกรณ์ บริการ นโยบาย และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด”เพื่อสำรวจ สกัด ประมวลผล และกลั่นแร่ธาตุที่สำคัญ
ตามรายงานของรอยเตอร์ส โกยัลได้กล่าวถึงความร่วมมือนี้ว่า ครอบคลุมหลายมิติ ทั้งห่วงโซ่อุปทานแบบเปิดสำหรับวัสดุ การพัฒนาเทคโนโลยี และกระแสการลงทุนเพื่อส่งเสริมพลังงานสีเขียว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าสหรัฐฯ และอินเดียจะต้องร่วมมือกับประเทศที่สาม ซึ่งรวมถึงประเทศที่มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ในแอฟริกาและอเมริกาใต้ด้วย
ขณะเดียวกัน อินเดียก็กำลังแสวงหาวิธีที่จะกระตุ้นการผลิตลิเธียมทั้งในประเทศและในประเทศที่สาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นิวเดลีกำลังมองไปที่แอฟริกาเพื่อตอบสนองความต้องการแร่ธาตุ โดยเฉพาะแซมเบีย นามิเบีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก กานา และโมซัมบิก ซึ่งประเทศต่างๆ ในแอฟริกาหลายแห่งได้ติดต่อรัฐบาลอินเดียเพื่อขอเข้าถึงทรัพยากรของพวกเขาโดยแลกกับการชำระคืนเงินกู้เพื่อการพัฒนาบางส่วน
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา (2024) อินเดียได้ลงนามในข้อตกลงกับอาร์เจนตินาเพื่อสำรวจและพัฒนาแหล่งลิเธียม 5 แห่ง ในเดือนมิถุนายน รายงานข่าวระบุว่าบริษัท Coal India ที่เป็นบริษัทของรัฐกำลังสำรวจแหล่งลิเธียมในอาร์เจนตินา โดยร่วมมือกับบริษัทของสหรัฐฯ ผ่าน Minerals Security Partnership (MSP) ที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งนิวเดลีเข้าร่วมในปีที่แล้ว (2023)
ปัจจุบัน จีนควบคุมแหล่งลิเธียมของโลกเกือบ 70% และควบคุมโคบอลต์ กราไฟต์ และแมงกานีส ซึ่งเป็นแร่ธาตุอื่นๆ ที่มีความสำคัญต่อเทคโนโลยีสีเขียวในสัดส่วนที่มากกว่า อินเดียเพิ่งค้นพบแหล่งสำรองลิเธียมในรัฐฌาร์ขัณฑ์ ราชสถาน รวมถึงจัมมูและแคชเมียร์ แต่ยังไม่ได้ผลิตลิเธียมในประเทศ เนื่องจากต้องพึ่งพาการนำเข้าทั้งหมด
สำหรับความต้องการแร่ธาตุในอินเดียเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากอินเดียต้องการขยายตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะเติบโตจาก 3.21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2022 เป็น 113.99 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2029 ในเดือนกันยายน นิวเดลีได้เปิดตัวโครงการ PM E-DRIVE มูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้างแรงจูงใจในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าและรถจักรยานยนต์
IMCT News
ที่มา https://www.rt.com/india/605260-us-partners-with-india-lithium/
© Copyright 2020, All Rights Reserved