จีนตั้งเป้าจีดีพี 2024 โตประมาณ 5% เท่าปี 2023

จีนตั้งเป้าจีดีพี 2024 โตประมาณ 5% เท่าปี 2023
5/3/2024
การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนในสัปดาห์นี้ คาดว่า จะได้ยินนายกรัฐมนตรี หลี่เฉียง รายงานถึงเป้าหมายการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ ขณะที่จีนตั้งเป้าเศรษฐกิจขยายตัวปี 2024 ที่ประมาณ 5% เช่นเดียวกับปี 2023 สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
เศรษฐกิจจีนขยายตัว 5.2% เมื่อปี 2023 แต่ยังคงพึ่งพาการลงทุนจากภาครัฐอย่างหนัก ก่อให้เกิดความวิตกว่า จะเป็นการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนหรือไม่ในระยะยาว
นักวิเคราะห์มองว่า การตั้งเป้าจีดีพีในปี 2024 อาจยากที่จะบรรลุได้ ต่างจากปี 2023 ซึ่งได้อานิสงค์จากปัจจัยโรคระบาดค่อยๆ หายไป
วิกฤติอสังหาริมทรัพย์ ภาวะเงินฝืดซึมลึก ตลาดหุ้นจีนซบ และหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่นที่พอกพูน ล้วนแต่กดดันผู้นำจีนให้รีบตัดสินใจออกนโยบายเพื่อทำให้เศรษฐกิจกลับมาแข็งแกร่งในระยะยาว
นักวิเคราะห์คาดว่า จีนอาจต้องลดความทะเยอทะยานในอนาคตลง เรื่องการตั้งเป้าขยายตัวของเศรษฐกิจ เพราะจีนจำเป็นต้องหาวิธีปรับโครงสร้างที่ไม่สมดุลอย่างแรง ให้สำเร็จเสียก่อน
ความวิตกเรื่องความเชื่อมั่นของผู้บริโภค นักลงทุนและภาคธุรกิจที่ดำดิ่ง ล้วนต้องการให้จีนกลับมาใช้นโยบายส่างเสริมตลาดอีกครั้ง และกระตุ้นให้เกิดความต้องการจับจ่ายในกลุ่มครัวเรือน
ตามปกติ การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน จะไม่ได้เห็นการออกมาพูดในประเด็นนโยบายที่กลับลำอะไรขนาดนั้น แต่เป็นเวทีที่แสดงให้เห็นถึงความโอ่อ่าของพรรคคอมมิวนิสต์และการพบปะกันของสมาชิกพรรคเสียมากกว่า ยิ่งสร้างความวิตกให้นักลงทุนกับนโยบายที่เป็นอยู่ในขณะนี้
กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ ไอเอ็มเอฟ คาดว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 4.6% ในปี 2024 และจะลดการขยายตัวมาอยู่ที่ 3.5% ในปี 2028
ส่วนทางจีนเอง คาดว่า จะตั้งเป้าให้เศรษฐกิจขยายตัวในปี 2024 ที่ประมาณ 5% เหมือนปี 2023 ซึ่งก็ยังถือว่า เป็นตัวเลขจีดีพีที่ต่ำที่สุดของจีนอีกครั้งหนึ่ง ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา ทั้งที่สมัยก่อน จีนเคยมีตัวเลขเศรษฐกิจขยายตัวถึงสองหลัก เป็นการพัฒนาอย่างรวดเร็วถึงขีดสุดในช่วงทศวรรษที่ 1990 และ 2000
คาดว่า ในการประชุมครั้งนี้ ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง อาจหยิบยกคำพูดนี้ขึ้นมากล่าวอีก คือ “ พลังการผลิตในรูปแบบใหม่ “ หลังจากเน้นย้ำคำนี้เมื่อช่วงปลายปี 2023
นักวิเคราะห์มองว่า สีจิ้นผิงน่าจะหมายถึง การพัฒนาและเทคโนโลยีการพาณิชย์ ตลอดจนวิทยาศาสตร์ การเข้าสู่ยุคดิจิทัล และการผลิตในระดับสูง เพื่อหลอมรวมให้เกิดเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่การจะทำให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นมาได้ ยังต้องใช้เวลา เพราะเศรษฐกิจจีนในภาคเทคโนโลยียังค่อนข้างเล็ก และจีนยังเผชิญความท้าทายบางอย่างอยู่ ในระยะสั้น จีนน่าจะยังแก้ปัญหาในแบบเดิม ก็คือ การทุ่มงบไปที่การสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานและกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์
สีจิ้นผิง เคยพูดถึงคำว่า “ พลังการผลิตในรูปแบบใหม่ “ ว่า หมายถึงการปลดแอกจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาผลผลิตในแบบเดิมๆ ทำให้เห็นว่า ในอนาคต พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะหันไปมุ่งเน้นด้านเทคโนโลยีระดับสูงอย่างเต็มตัว ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะเท่ากับว่า สีจิ้นผิงมุ่งมั่นจะประคับประคองเศรษฐกิจ ที่กำลังย่ำแย่จากภาคอสังหาริมทรัพย์และความตึงเครียดทางการค้ากับชาติตะวันตก
By IMCT News