Thailand
15/7/2024
การประชุมใหญ่ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 20 ครั้งที่ 3 (China’s Third Plenum) ที่จัดขึ้นทุก 5 ปี และถูกเลื่อนมาจากช่วงปลายปี 2566 กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 15-18 ก.ค. 2567 ซึ่งการประชุมฯ จะมีการประกาศทิศทางการดำเนินนโยบายสำคัญทางเศรษฐกิจระยะยาว
โดยที่ผ่านมา การประชุมฯ ปี 2521 มีการประกาศเริ่มต้นปฏิรูปเศรษฐกิจทุนนิยม การประชุมฯ ปี 2556 มีการประกาศผ่อนปรนนโยบายลูกคนเดียวเพื่อรับมือกับปัญหาเรื่องแรงงานและประชากรสูงวัย
สำหรับการประชุม Third Plenum ครั้งนี้คาดว่าทางการจีนจะยังคงเน้นแนวนโยบายการปฏิรูปเชิงโครงสร้างและเน้นย้ำถึงแนวทางการดำเนินนโยบายเดิมที่ได้ประกาศไว้ในการประชุมสองสภาของจีนเมื่อเดือนมี.ค.2567 ที่ผ่านมา เช่น การสนับสนุนอุตสาหกรรมสีเขียว เพื่อที่จะนำพาประเทศจีนไปสู่ความทันสมัยในแบบของประเทศจีน (Chinese-style Modernization) โดยรายละเอียดที่สำคัญที่คาดว่าจะมีการกล่าวถึง คือ
การปฏิรูปภาษีและนโยบายการคลัง ซึ่งเป็นประเด็นต่อเนื่องมาจากการประชุมแผนงานด้านเศรษฐกิจส่วนกลางของจีน (CEWC) ในช่วงปลายปี 2566 โดยคาดว่าจะมีการจัดสรรสัดส่วนรายได้จากภาษีให้กับรัฐบาลท้องถิ่นเพิ่มขึ้น และเพิ่มรายจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกับรัฐบาลกลาง เพื่อแก้ไขความไม่สมดุลทางการคลัง และปัญหาหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น
แนวนโยบายที่สนับสนุนการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับกำลังการผลิตคุณภาพใหม่ (New Productive Forces) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนในระยะต่อไป และสอดคล้องกับการพึ่งพาตนเองด้านของเทคโนโลยีมากขึ้น
การผ่อนคลายนโยบายย้ายถิ่นฐานจากชนบทสู่เมือง (Hukou System) ที่เดิมมีไว้เพื่อควบคุมการย้ายถิ่นฐานภายในประเทศซึ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำด้านสวัสดิการของคนในพื้นที่เขตเมืองและท้องถิ่น ดังนั้นการผ่อนคลายหรือยกเลิกระบบดังกล่าวจะทำให้เกิดความสะดวกในการเคลื่อนย้ายแรงงานและการได้รับสิทธิประโยชน์ทางสังคมอย่างเท่าเทียม ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนความเป็นสังคมเมือง (Urbanization) ที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไป
นอกจากนี้ ประเด็นอื่น ๆ ที่ตลาดจับตามอง ได้แก่ มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม และการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจจีนปี 2567 เติบโตได้ตามเป้าหมายของทางการจีนที่ 5% ท่ามกลางสถานการณ์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังกดดันความเชื่อมั่นภาคการบริโภคและภาคธุรกิจ
คาดว่าทางการจีนจะมีการประกาศแนวทางหรือมาตรการเพื่อช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม เช่น การเพิ่มวงเงินในโครงการที่ให้รัฐบาลท้องถิ่นเข้าซื้อบ้านค้างสต็อก รวมถึงมาตรการสนับสนุนการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศในรูปแบบการสร้างความต้องการสินค้า เช่น ปัจจุบันที่มีโครงการสินค้าเก่าแลกสินค้าใหม่ (Trade in) อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าและรถยนต์ เป็นต้น
IMCT News
ที่มาศูนย์วิจัยกสิกรไทย
© Copyright 2020, All Rights Reserved