จีนทุ่ม $3.5 หมื่นล้าน สร้างท่าเรือน้ำลึกใน'เปรู' ปักหมุดเส้นทางการค้าแปซิฟิก-เอเชีย 'สี จิ้นผิง' บินเปิดสัปดาห์หน้า ภายใต้ยุทธศาสตร์ 'หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง'
11/11/2024
จีนเดินหน้าขยายอิทธิพลในละตินอเมริกาผ่านเมกะโปรเจกต์ท่าเรือน้ำลึกชานไค (Chancay) มูลค่า 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเปรู ภายใต้ยุทธศาสตร์ 'หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง' โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีกำหนดเดินทางเป็นประธานในพิธีเปิดสัปดาห์หน้า ท่ามกลางการแข่งขันชิงอิทธิพลกับสหรัฐฯ ในภูมิภาค
South China Morning Post โดย Igor Patrick รายงานว่า โครงการนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์ที่จีนใช้สร้างเครือข่ายการค้าและขนส่งใหม่ในมหาสมุทรแปซิฟิก เชื่อมโยงเอเชียกับอเมริกาใต้ โดยไม่ต้องพึ่งพาเส้นทางที่ควบคุมโดยสหรัฐฯ พร้อมกับขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการทูตในภูมิภาคที่เคยเป็นเขตอิทธิพลของสหรัฐฯ มาอย่างยาวนาน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีน มีกำหนดเดินทางเยือนเปรูสัปดาห์หน้า เพื่อเป็นประธานเปิดท่าเรือน้ำลึกชานไค (Chancay) เมกะโปรเจกต์มูลค่า 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใต้ยุทธศาสตร์ "หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง" ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการค้าในมหาสมุทรแปซิฟิก ท่ามกลางความวิตกของสหรัฐฯ และเสียงคัดค้านจากชุมชนท้องถิ่น
โครงการท่าเรือน้ำลึกที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้แห่งนี้ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงลิมา เมืองหลวงของเปรู ไปทางเหนือตามทางหลวงแพน-อเมริกัน 70 กิโลเมตร ในเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรเพียง 60,000 คน ดำเนินการโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ของรัฐบาลจีน COSCO ร่วมกับบริษัทเหมืองแร่ Volcan ของเปรู
ด้วยความลึกของน้ำมากกว่า 18 เมตร ท่าเรือชานไคสามารถรองรับเรือขนส่งขนาดใหญ่ได้ทุกประเภท พร้อมทำเลยุทธศาสตร์ที่เชื่อมโยงทั้งชิลี เอกวาดอร์ จีน และตลาดสำคัญในอินโด-แปซิฟิก โดยเฉพาะเส้นทางขนส่งไปเซี่ยงไฮ้ที่ประธานาธิบดีสีระบุว่ากำลังเป็นวลียอดนิยมในแวดวงธุรกิจจีน
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโครงการกลับสร้างความปั่นป่วนในท้องถิ่น ด้านราคาที่ดินพุ่งจาก 2 ดอลลาร์เป็น 35 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร และสูงถึง 1,000 ดอลลาร์ในเขตเมือง ขณะที่นักวิชาการคาดการณ์ว่าประชากรจะเพิ่มขึ้น 2-3 เท่าในอีก 10 ปี แต่เมืองยังขาดความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน
กลุ่มผู้ประท้วงที่เรียกตัวเองว่า "แนวร่วมเพื่อศักดิ์ศรีและเสรีภาพของชานไค" เรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรรายได้อย่างน้อย 2% จากภาษีการค้าให้ชุมชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมกับตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาด้านสุขภาพ ความปลอดภัย อาหาร และน้ำ โดยเฉพาะผลกระทบจากการระเบิดหินที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตและโครงสร้างบ้านเรือน
องค์กรพัฒนาเอกชนท้องถิ่นยังกล่าวหา COSCO ว่าละเมิดข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการก่อสร้างใกล้พื้นที่ชุ่มน้ำซานตา โรซา แหล่งที่อยู่ของนกและสัตว์หายาก แม้ COSCO จะปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันว่าได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลเปรูแล้วก็ตาม
ด้านการเวนคืนที่ดิน COSCO ยืนยันว่าจำเป็นต้องเวนคืนเฉพาะพื้นที่สำหรับสร้างอุโมงค์รถบรรทุกเท่านั้น โดยใช้เวลา 2 ปี (2019-2021) และไม่ต้องเวนคืนเพิ่มเติมสำหรับท่าเรือ เนื่องจากใช้ที่ดินของ Volcan
ทั้งนี้ รัฐบาลเปรูคาดว่าท่าเรือจะสร้างงานโดยตรง 8,550 ตำแหน่งในทศวรรษหน้า พร้อมดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชน อาทิ โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย และศูนย์การค้า ขณะที่บริษัทอาหารท้องถิ่นหวังใช้ท่าเรือลดเวลาขนส่งไปจีนจาก 33 วัน เหลือ 26 วัน
โครงการนี้มีความสำคัญเชิงภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะในช่วงที่โดนัลด์ ทรัมป์ อาจกลับมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง หลังจากในวาระแรก (2017-2021) เคยต่อต้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศกำลังพัฒนาและแข่งขันอิทธิพลกับจีนในละตินอเมริกา
---
ที่มา SCMP