ขอบคุณภาพจาก RT
27.09.2024
รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดียกล่าวว่า ความสัมพันธ์อินเดีย-จีนเป็น “กุญแจสำคัญ” ต่ออนาคตของเอเชียและโลก การผงาดขึ้นมาพร้อมๆ กันของทั้งสองประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาในการเมืองโลกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เขาระบุว่า “ผมคิดว่าความสัมพันธ์อินเดีย-จีนเป็นกุญแจสำคัญต่ออนาคตของเอเชีย ในทางหนึ่ง คุณสามารถพูดได้ว่าหากโลกต้องการเป็นแบบหลายขั้ว เอเชียก็ต้องเป็นแบบหลายขั้วด้วย ดังนั้น ความสัมพันธ์นี้จะไม่เพียงแต่ส่งผลต่ออนาคตของเอเชียเท่านั้น แต่อาจส่งผลต่ออนาคตของโลกด้วยเช่นกัน”
อินเดียพยายามขยายอิทธิพลและกลายเป็นศูนย์กลางอำนาจสำคัญในภูมิภาค ซึ่งจีนก็ได้ขยายอิทธพลเพิ่มขึ้นเช่นกัน เมื่อต้นปีนี้ รัฐมนตรีฯอินเดีย เสนอแนะว่า อินเดียควรยอมรับการแข่งขันกับจีนและมีความเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้นในการรับมือกับอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีนในภูมิภาคเอเชียใต้
เขายังสนับสนุนให้มี “กลุ่มขั้วอำนาจหลายขั้ว” ในเวทีระดับโลก และสนับสนุนให้อินเดียมีบทบาทมากขึ้นในองค์กรต่างๆ เช่น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แต่ จีน ซึ่งเป็นสมาชิกถาวรของกลุ่มที่มีอิทธิพลดังกล่าว ได้คัดค้านการที่อินเดียจะก้าวขึ้นเป็นสมาชิกถาวร
รัฐมนตรีฯอินเดียยังเน้นย้ำว่าจีนและอินเดียต่างก็มีประชากรเกินพันล้านคน และยอมรับว่าการที่ทั้งสองประเทศเติบโตขึ้นในระเบียบโลก ประกอบกับมีพื้นที่บางส่วนซ้อนทับกันอยู่ ถือเป็นความท้าทายที่ไม่ธรรมดา และกล่าวว่า “หากคุณมองในแวดวงการเมืองโลกในปัจจุบัน การที่ทั้งสองประเทศเติบโตควบคู่กันไปนั้น ถือเป็นปัญหาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
เขายอมรับว่าอินเดียมี “ประวัติศาสตร์ที่ยากลำบาก” กับจีน และความสัมพันธ์ในปัจจุบัน “มีปัญหาอย่างมาก” โดยปัญหาของอินเดียกับจีนส่วนใหญ่เกิดจากข้อพิพาทเรื่องพรมแดน และความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านที่เสื่อมถอยลงในปี 2020 เมื่อกองกำลังทหารของทั้งสองประเทศได้ปะทะกันในหุบเขากัลวันซึ่งเป็นข้อพิพาท
การปะทะดังครั้งกล่าวส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายสูญเสียชีวิต นับแต่นั้นมา มีการเจรจามากกว่าสิบรอบเพื่อถอนตัวออกไปตามแนวเส้นแบ่งเขตควบคุม (Line of Actual Control-LAC) ซึ่งมีความยาว 3,500 กิโลเมตร และเป็นเขตแดนที่กำหนดไม่ชัดเจนระหว่างสองประเทศ
เมื่อต้นเดือนนี้ รัฐมนตรีฯอินเดียกล่าวว่า ปัญหาการถอยทัพออกจากพื้นที่พิพาทตามแนว LAC ได้รับการแก้ไขไปแล้ว 75% แต่ยังคงมีงานที่ต้องทำอีกมาก โดยชี้แจ้งว่า ทั้งสองประเทศสามารถแก้ไขปัญหาการถอยทัพและจุดที่เกิดความขัดแย้งได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว แต่ยังคงมีปัญหาเรื่องการลาดตระเวนที่ต้องแก้ไขเพิ่มเติม
แม้จะมีความแตกต่างเหล่านี้ แต่เขาเคยยืนยันก่อนหน้านี้ว่า อินเดียได้ตัดสินใจที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์กับจีนในช่วงที่นเรนทรา โมดีดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่สาม รัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองประเทศเพื่อนบ้านที่มีอาวุธนิวเคลียร์ยังได้พูดถึงการรักษาเสถียรภาพของความสัมพันธ์ในการประชุมสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่ประเทศลาวด้วย
ในสัปดาห์นี้ที่กรุงนิวยอร์ก เขาบรรยายถึงการระบาดของโรค ความขัดแย้ง และเหตุการณ์สภาพอากาศโลกว่าเป็น “เหตุการณ์ซ้ำซาก” ที่เร่งให้โลกเปลี่ยนแปลงไป และเสริมว่าเอเชียอยู่แถวหน้าสุดของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เนื่องมาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาค อินเดีย ปัจจุบันมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก มี GDP อยู่ที่ 3.95 ล้านล้านดอลลาร์ มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ก่อนสิ้นทศวรรษนี้ ส่วนจีนอยู่อันดับ 2 ตามหลังสหรัฐฯ
By IMCT NEWS
อ้างอิงจาก: https://www.rt.com/india/604669-china-relations-key-future-asia/