Thailand
ขอบคุณภาพจาก RT
15/6/2024
บทความที่ตีพิมพ์ลงใน The Toronto Star เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2024 ระบุว่า สหรัฐกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรง โดยมีสาเหตุมาจากการพิมพ์เงินมากเกินไป จนเข้าสู่วงจรของการควบคุมไม่ได้ และท้ายที่สุด จะไม่มีต่างชาติเข้ามาซื้อพันธบัตรของพวกเขา เดือดร้อนถึงธนาคารกลางสหรัฐ จำเป็นต้องยื่นมือเข้าช่วย ด้วยวิธีการเดิมๆ ที่เคยทำมา ก็คือ รับซื้อพันธบัตรเหล่านั้นเสียเอง แต่จะนำเงินที่ไหนมาซื้อ ก็ต้องใช้วิธีพิมพ์เงินออกมาซื้ออีก และครั้งนี้ ต้องใช้เงินปริมาณมหาศาลเสียด้วย
การพิมพ์เงินออกมาอีก จะยิ่งทำให้ผู้ซื้อหนี้ของสหรัฐ ถอยหนีกันไป สหรัฐจึงจำเป็นต้องเพิ่มดอกเบี้ยพันธบัตรให้สูงขึ้น เพื่อชดเชยกับความเสี่ยงในการถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่มีเพิ่มขึ้นด้วย วงจรนี้ คือการที่ธนาคารกลางสหรัฐจะต้องพิมพ์เงินออกมาแก้ปัญหาอยู่ร่ำไป และเมื่อทุกอย่างควบคุมไม่ได้ เงินปริมาณมหาศาลที่พิมพ์ออกมา จะก่อให้เกิดเงินเฟ้ออย่างรุนแรง การจะนำเงินดอลลาร์สหรัฐไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลอื่นก็ทำไม่ได้ หรือจะส่งออกเงินอย่างที่เคยทำกันมา ก็คงไม่ได้แล้ว เพราะเงินดอลลาร์สหรัฐขาดความน่าเชื่อถือ
และที่น่ากลัวยิ่งกว่านี้ ก็คือ กฎหมาย Dodd-Frank Wall Street Reform and Consumer Act ซึ่งผ่านสภาคองเกรสเมื่อปี 2010 เปิดทางให้ธนาคารสามารถริบเงินฝากประชาชนได้ หากการเงินเกิดปัญหา
ถ้าจะถามหาทางแก้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะแต่ละปัญหาก็มีแนวทางแก้ไขแตกต่างกันไป แนวคิดที่ว่า ให้ถือหุ้น 60 และถือพันธบัตรอีก 40 ในพอร์ตการลงทุน คงใช้ไม่ได้ผลแล้ว
การถือครองพันธบัตรต่อ รับประกันได้เลยว่า จะต้องเสื่อมมูลค่า จากภาวะเงินเฟ้อ ส่วนการจะเลือกซื้อหุ้น ก็ต้องใช้กลยุทธ์ความเชี่ยวชาญมากกว่าปกติ ซึ่งบทความนี้ แนะนำให้ทิ้งหุ้นเทคโนโลยีไปเสีย เพราะมีราคาไต่ระดับสูงเกินพิกัดมากแล้ว และหันมาถือหุ้นตัวอื่นที่ดูน่าปลอดภัยกว่านี้ พอร์ตการลงทุนควรหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่น ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ และสินค้าโภคภัณฑ์ ได้แก่ พวกสินแร่ต่างๆ พลังงาน และอาหาร ซึ่งล้วนแต่เป็นตัวรับมือเงินเฟ้อได้ดี
ส่วนการจะหันไปถือสกุลเงินอื่นก็ไม่ใช่วิธีที่ฉลาดนักในการรักษามูลค่าทรัพย์สิน เพราะเงินเฟียตส่วนใหญ่กำลังเสื่อมมูลค่า การเลือกถือเงินสกุลอื่นที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐ จึงเหมือนกับการเลือกระหว่างเรือบิสมาร์คที่อับปางลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กับ ไททานิก ที่ก็อับปางลงเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีเงินสดในพอร์ตเลย ในพอร์ตการลงทุนก็ยังจำเป็นต้องมีเงินสดอยู่บ้าง ในกรณีที่ตลาดเกิดร่วงอย่างไม่เป็นท่า
ทองคำคือตัวเลือกที่ดีในการลงทุน เหมือนเป็นประโยคที่พูดกันซ้ำซาก แต่ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ทองสร้างผลตอบแทนดีเยี่ยมแซงหน้าหุ้นและพันธบัตร นับจากปี 2001 และก็จะยังเป็นเช่นนั้น และตอนนี้ ดูเหมือนทองจะมีราคาพุ่งเร็วกว่าเก่า เมื่อทุกอย่างล้มหมด ทองคำจะเป็นความหวังสุดท้ายของมนุษย์ เป็นการบริหารความมั่งคั่ง เพื่อต่อกรกับความโง่เขลาของคน
ธนาคารกลางและนักลงทุนที่มาจากสมาชิกกลุ่ม BRICS พากันตุนทองอย่างรวดเร็ว แม้พวกวอลล์สตรีทและสื่อการเงินที่เป็นกระบอกเสียงให้ พยายามให้นักลงทุนถอยห่างจากทอง ทองคำจะมีราคาไปได้ไกลแค่ไหน ก็อยู่ที่ว่า สกุลเงินเฟียต จะร่วงสุดขนาดไหน
ในตุรกี ราคาทองคำพุ่งขึ้น 7 เท่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ที่อาร์เจนติน่า ราคาทองคำพุ่ง 10 เท่า แม้กระทั่งที่ญี่ปุ่น ราคาทองคำก็พุ่งเป็นเท่าตัว
ดังนั้น บทความนี้จึงแนะนำให้ซื้อทองคำตุนไว้ จะเป็นทองคำแท่ง หรือ แบบเหรียญก็ได้ และถ้าอยากลุ้นมากกว่านี้ ให้ซื้อหุ้นเหมืองทองคำบางแห่ง ที่มีต้นทุนในการผลิตต่ำ แม้เทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกล แต่ธรรมชาติของมนุษย์ก็ยังเหมือนเดิม จึงต้องเตรียมรับมือสถานการณ์ไว้
By IMCT News
© Copyright 2020, All Rights Reserved