Thailand
ขอบคุณภาพจาก RT
28/7/2024
บางบริษัทที่ขายสินค้าแบรนด์หรูเป็นที่รู้จักกันดีในโลก กำลังมีมูลค่าลดลง เนื่องจากผู้บริโภคชาวจีนลดการจับจ่าย แม้กระทั่งแบรนด์หรูที่ผลิตสินค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟยังได้รับผลกระทบ
ยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าหรูหราอย่าง LVMH ของ Bernard Arnault เจ้าของหลุยส์ วิตตอง และ คริสเตียน ดิออร์ ยังมียอดขายครึ่งปีแรกร่วงลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นยอดขายในตลาดเอเชีย แต่ไม่รวมญี่ปุ่น ซึ่งตลาดเอเชียส่วนใหญ่ จีนถือเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ของแบรนด์นี้ ยอดขายย่ำแย่ส่วนใหญ่มาจากในช่วงไตรมาสสอง ที่ร่วงลงถึง 14% จากผลประกอบการที่เผยแพร่ออกมาล่าสุด
หุ้นของ LVMH ซึ่งยังขายพวกอัญมณีสุดหรู และมีโรงแรมดังๆ ไว้บริการอีกด้วย ร่วงลงถึง 4.7% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ( 24 กค. 2024 ) ซึ่งถือเป็นการร่วงลงมากสุดนับจากเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ในขณะที่หุ้นของพราด้า แบรนด์ดังอีกเจ้า ก็ร่วงลง 3% จากการปิดตลาดเมื่อวันอังคาร ( 23 กค. 2024 )
หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์การตลาดของ CMC Markets บอกกับ CNN ว่า นับจากนี้ ตลาดสินค้าสุดหรูยังคงผันผวน เนื่องจากนักลงทุนต่างปรับมุมมองใหม่ จากที่เคยมีความเชื่อว่า แบรนด์สินค้าสุดหรูจะเป็นแหล่งพักเงินที่ปลอดภัย และป้องกันความเสี่ยงจากเศรษฐกิจขาลง
10 บริษัทสุดยอดสินค้าหรูหราในยุโรป มีมูลค่าในตลาดหายไปถึง 250,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 9 ล้านล้านบาท นับจากเดือนมีนาคม ตามการรายงานของรอยเตอร์
ส่วน Richemont เจ้าของแบรนด์อัญมณีคาร์เทียร์ ก็มียอดขายร่วงลง 27% ในจีน ฮ่องกง และมาเก๊า ในช่วงไตรมาสสองของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ต้นเหตุมาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในจีนมีต่ำมาก ในขณะที่ค่ายรถพอร์ชสัญชาติเยอรมนี ก็มียอดขายร่วงลงเช่นกันในจีน รวมถึงค่ายรถสุดหรู Mercedes – Benz มีรายได้ร่วงลง 4% ในช่วงไตรมาสสอง เพราะตลาดในจีนหดตัวเล็กน้อย สถานการณ์ตลาดสินค้าพรีเมียมและสินค้าหรูหราในจีนยังคงอ่อนแอ
ด้านเจ้าของแบรนด์กุชชี่ ก็ยอมรับว่า รายได้ในจีนช่วงครึ่งปีแรกเป็นไปอย่างชะลอตัว ส่วนยอดขายในอเมริกาเหนือและยุโรป ก็ไม่ค่อยดีนัก
แต่ในทางกลับกัน เจ้าของแบรนด์ Hermes ซึ่งกระเป๋าสุดหรูมีราคาตั้งแต่ 10,000 ดอลลาร์ ไปจนถึงหลายแสนดอลลาร์ ยังคงมียอดขายเติบโตในทุกประเทศแถบเอเชีย ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แต่ไม่นับรวมญี่ปุ่น
รายได้ของแบรนด์หรูที่ร่วงลงเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นถึงนักช้อปชาวจีนที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งที่คนกลุ่มนี้ เคยรุมซื้อสินค้าพรีเมียมอย่างคับคั่งหลังยกเลิกมาตรการคุมเข้มโรคระบาด ดูเหมือนว่า เศรษฐกิจจีนยังซบเซา และท้ายสุดก็สะเทือนไปยังแบรนด์สุดหรูมากมาย ที่เคยเจาะกลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนักได้สำเร็จ จีนกำลังเผชิญความท้าทายหลายเรื่อง ตั้งแต่การจับจ่ายของผู้บริโภคชะลอตัว และอสังหาริมทรัพย์ราคาร่วง ไปจนถึงวิกฤติหนี้ที่พอกพูนในกลุ่มรัฐบาลท้องถิ่น
เศรษฐกิจจีนเติบโต 4.7% ในช่วงไตรมาสสองของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากข้อมูลที่เผยออกมา พลาดเป้าจากที่นักเศรษฐศาสตร์เคยคาดการณ์ไว้ และยังถือเป็นการเติบโตที่อ่อนแอที่สุด นับจากช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 ปรากฏการณ์สินค้าสุดหรูถูกเมินนี้ เคยเกิดมาแล้วในสหรัฐ ช่วงที่เผชิญวิกฤติการเงินระดับโลก
By IMCT News
อ้างอิงจาก https://edition.cnn.com/2024/07/26/business/lvmh-luxury-firms-china-slowdown/index.html
© Copyright 2020, All Rights Reserved