ขอบคุณภาพจาก Sputnik
10.10.2024
บ็อบ วูดเวิร์ด นักข่าวสหรัฐฯรายงานในหนังสือเล่มใหม่ของเขาว่า หลายเดือนหลังจากที่รัสเซียทำสงครามในยูเครน สหรัฐได้รับข่าวกรองที่ชี้ว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียกำลังพิจารณาอย่างจริงจังที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียครั้งใหญ่ในสนามรบ
ข่าวกรองของสหรัฐชี้ว่ามีโอกาส 50% ที่ปูตินจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีหากกองกำลังยูเครนล้อมทหารรัสเซีย 30,000 นายในเมืองเคอร์ซอนทางใต้ ซึ่งเพียงไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น กองทหารยูเครนได้สร้างความตกตะลึงให้กับรัสเซียด้วยการยึดเมืองคาร์คิฟซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของยูเครนคืนมา และกำลังเปลี่ยนเป้าหมายเพื่อปลดปล่อยเคอร์ซอนซึ่งตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ริมแม่น้ำนีเปอร์ไม่ไกลจากทะเลดำ
หนังสือระบุอีกว่า เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯวิตก ต่อข่าวกรองนี้ ซึ่งได้มาจากแหล่งและวิธีการที่ดีที่สุด ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2022 เจ็ดเดือนหลังจากที่รัสเซียรุกราน เรื่องนี้สร้างความวิตกให้กับรัฐบาลของไบเดนอย่างมาก โดยเพิ่มโอกาสที่รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์จาก 5% เป็น 10% และตอนนี้เพิ่มเป็น 50%
นักข่าวสหรัฐฯระบุอีกว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนบอกกับซัลลิแวนว่า "ให้ไปคุยกับรัสเซีย บอกพวกเขาว่าสหรัฐจะตอบโต้อย่างไรในสิ่งนี้ " และให้ใช้ภาษาที่ออกแนวขู่แต่ไม่รุนแรงเกินไป หนังสือเผยด้วยว่า ไบเดนยังส่งข้อความไปถึงปูติน เตือนถึง "ผลที่ตามมาอันเลวร้าย" หากรัสเซียใช้อาวุธนิวเคลียร์
หนังสือเล่มล่าสุดของนักข่าวรายนี้ ยังให้รายละเอียดการสนทนาของโดนัลด์ ทรัมป์กับปูตินนับจากออกจากตำแหน่ง รวมถึงความขุ่นเคืองของไบเดนที่มีต่อนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล และอื่นๆ อีกมากมาย
หนังสือเล่มนี้ให้รายละเอียดภายในที่น่าสนใจเกี่ยวกับการประเมินของสหรัฐฯ ถึงความเป็นไปได้ที่ปูตินจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่ความกังวลของรัฐบาลไบเดนที่ว่ารัสเซียอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีในยูเครนนั้นไม่ใช่ความลับ เพราะนับจากประธานาธิบดีลงมา เจ้าหน้าที่สหรัฐหลายคนก็เตือนปูตินไม่ให้ทำเช่นนั้น
ปูตินและคนอื่นในรัฐบาลรัสเซียยังขู่ตะวันตกอยู่บ่อยครั้ง เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ปูตินกล่าวว่าการโจมตีแบบธรรมดาของประเทศใดๆ ก็ตามต่อรัสเซียที่ได้รับการสนับสนุนโดยประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์จะถือเป็นการลงมือโจมตีร่วมกันต่อรัสเซีย
ภัยคุกคามดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อห้ามชาติตะวันตกอนุมัติให้ยูเครนโจมตีรัสเซียด้วยอาวุธพิสัยไกล ไบเดนยังคงไม่ยอมให้ยูเครนโจมตีเป้าหมายทางทหารในรัสเซียด้วยขีปนาวุธที่สหรัฐจัดหาให้ เนื่องจากเกรงว่าสงครามจะทวีความรุนแรงขึ้น แม้ว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนจะขออนุญาตแล้วก็ตาม
ในบทสนทนาที่ดุเดือดอีกครั้งซึ่งระบุไว้ในหนังสือของวูดเวิร์ด คือ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯได้เผชิญหน้ากับเซอร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียในเดือนตุลาคม 2022 และบอกรัสเซียว่า สหรัฐรู้ว่า รัสเซียกำลังพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีในยูเครน” พร้อมเสริมว่า “การใช้อาวุธนิวเคลียร์ในระดับใดกับใครก็ตาม สหรัฐและโลกจะมองว่าเป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงโลก ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ในระดับใดที่สหรัฐจะมองข้ามได้ หรือโลกจะมองข้ามได้”
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐยังขู่ว่า สหรัฐฯ ไม่ได้มอบอาวุธบางอย่างให้กับยูเครน และได้จำกัดการใช้อาวุธบางอย่างที่จัดหาให้ด้วย แต่ข้อจำกัดเหล่านั้นจะได้รับการพิจารณาใหม่ จีน อินเดีย ตุรกี และอิสราเอล จะตีตัวออกห่างจากรัสเซียหากใช้อาวุธนิวเคลียร์
วูดเวิร์ดเขียนว่า เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐฯ มองว่าจีนมีอิทธิพลเหนือรัสเซียมากที่สุด และไบเดนได้โทรหาประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนเกี่ยวกับความจำเป็นที่จะต้องยับยั้งรัสเซีย
ในหนังสือระบุด้วยว่า สีจิ้นผิงจึงตกลงที่จะเตือนปูติน โดยไบเดนและสีจิ้นผิงพบกันและตกลงกันในเดือนพฤศจิกายน 2022 ว่า “ไม่ควรเกิดสงครามนิวเคลียร์” และตั้งข้อสังเกตว่าพวกเขาคัดค้านการใช้หรือขู่ที่จะประจำการอาวุธนิวเคลียร์ในยูเครน
ในแง่ของการเริ่มต้นสงคราม หนังสือเล่มนี้ให้รายละเอียดการวิพากษ์วิจารณ์ของไบเดนเมื่อปลายปีที่แล้วเกี่ยวกับการจัดการของประธานาธิบดีบารัค โอบามาในกรณีที่รัสเซียยึดไครเมียและส่วนหนึ่งของดอนบาสในปี 2014 ซึ่งตอนนั้น ไบเดนเป็นรองประธานาธิบดี
ไบเดนพูดถึงโอบามา ว่า ไม่มีการดำเนินการใดๆ ต่อปูตินที่ไปรุกรานยูเครน ไบเดนดูโกรธเมื่อพูดถึงโอบามา ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน ว่า โอบามาไม่ได้จัดการปูตินเลย พวกเขา “ไม่ควรปล่อยให้ปูตินเดินเข้าไปที่นั่น” ในปี 2014 และสหรัฐฯ ก็เอาแต่อยู่นิ่งๆ
ด้าน โฆษกรัฐบาลสหรัฐฯกล่าวกับนักข่าวว่า “มีหนังสือมากมายที่เขียนเกี่ยวกับรัฐบาลชุดนี้และรัฐบาลอื่นๆ” และ “เราจะไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแต่ละเรื่องที่อาจออกมาจากการรายงานที่แตกต่างกัน”
By IMCT NEWS
อ้างอิงจาก: https://www.yahoo.com/news/us-scrambled-urge-putin-not-202957804.html