ขอบคุณภาพจาก RT

31/3/2024

แลร์รี่ ฟิงค์  ซีอีโอของแบล็กร็อค  แสดงความวิตกในวิกฤติหนี้ที่ยืดเยื้อ อาจส่งผลให้เกิดการล่มสลายของเงินดอลลาร์สหรัฐได้  และนี่คือสถานการณ์เร่งด่วนที่สุด 

วิกฤติหนี้สหรัฐพอกพูน 34 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,190 ล้านล้านบาท ก่อให้เกิดความวิตกทั้งภายในและภายนอกประเทศ  ซึ่งปัจจุบัน ยังมีหลายประเทศพึ่งพาดอลลาร์อยู่มาก  แต่ก็ค่อยๆ มีความพยายามถอยห่างจากดอลลาร์แล้ว  เห็นได้จากธนาคารกลางต่างๆ เริ่มกระจายเงินสำรองจากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศไปในรูปแบบอื่นๆ  เพราะคาดว่า ท้ายสุด เงินดอลลาร์สหรัฐจะต้องล่มสลายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อปีที่แล้ว ( 2023 )   เงินดอลลาร์สหรัฐต้องเผชิญความท้าทายหลายประการจากสภาพเศรษฐกิจโลก  แม้จะยังคงครองความเป็นหนึ่งของสกุลเงินโลก   แต่สภาพเศรษฐกิจที่ล่อแหลมก็สร้างความวิตกให้หลายประเทส  หลายคนจึงหันไปถึงครองทรัพย์สินอื่น โดยเฉพาะทองคำ

แบล็กร็อค เป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ใหญ่สุดในโลก  มีสินทรัพย์ที่อยู่ในการบริหารเกือบ 10 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 350 ล้านล้านบาท     แลร์รี่ ฟิงค์ ซีอีโอแบล็กร็อค ออกมาเตือนเมื่อไม่นานมานี้เกี่ยวกับผลกระทบของหนี้ที่จะขยายตัวไปสู่ประเทศสหรัฐโดยรวม

ยังมีผู้มีชื่อเสียงในภาคการเงินอีกหลายคนออกมาแสดงความวิตกเพิ่มขึ้น เกี่ยวกับวิกฤติหนี้   เจมี่ ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกนแอนด์เชส พูดถึงปัญหาหนี้ในสหรัฐตอนนี้ว่า เป็นวิกฤติการณ์ที่คาดเดาได้ง่ายที่สุดในประวัติศาสตร์  เนื่องจากมูลค่าหนี้ทะยานไปถึง 34 ล้านล้านดอลลาร์  จึงเห็นวิกฤติจ่ออยู่รำไรที่จะสร้างหายนะภัยให้แก่สหรัฐในอนาคต

ไมเคิ้ล โนโวแกรทส์ ซีอีโอแกแล็คซี่ดิจิทัล บริษัทคริปโตชั้นนำ ก็เน้นย้ำถึงปัญหาหนี้ในสหรัฐ และคาดว่า มูลค่าหนี้จะยิ่งพุ่งสูงขึ้นในอีกไม่ช้านี้   เขายังชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างการไร้เสถียรภาพทางการเงินและการขยายตัวของบิทคอยน์กับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ  โดยบอกว่า บิทคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ จะยังขยายตัวต่อเนื่องจนกว่า สหรัฐและประเทศอื่นจะมีการเงินที่เข้ารูปเข้ารอย

แกแล็คซี่ดิจิทัลเองก็มีการเติบโตอย่างมาก  มีสินทรัพย์ให้บริหารมากขึ้นเท่าตัวในช่วงปีที่ผ่านมา และสร้างผลกำไรถึง 300 ล้านดอลลาร์  หรือประมาณ 10,500 ล้านบาท  ทั้งที่เคยขาดทุนถึง 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 35,000 ล้านบาทเมื่อปี 2022

นักวิเคราะห์คาดการณ์เมื่อปีที่แล้ว ( 2023 ) ว่า ธนาคารกลางสหรัฐอาจถูกบีบให้พิมพ์เงินออกมาอีกในปี 2024 เพื่อบรรเทาภาวะเศรษฐกิจขาลงอย่างรุนแรง  ซึ่งก็จะทำให้เงินดอลลาร์เสื่อมมูลค่าลงไปอีกและราคาบิทคอยน์จะทะยานเช่นเดียวกับทองคำ

By IMCT News

อ้างอิงจาก https://cryptodnes.bg/en/brics-dulgut-sasht-zaplaha-ikonomikata-bitcoin-moje-izleze-pechelivhs/