Thailand
ขอบคุณภาพจาก RT
1/8/2024
ราคาน้ำมันดีดขึ้นกว่า 2% เมื่อวันพุธตามเวลาในสหรัฐ จากที่เคยมีราคาต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ หลังข่าวสังหารผู้นำฮามาสในอิหร่าน อาจจุดชนวนความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ซื้อขายล่วงหน้า ปิดตลาดเมื่อคืน พุ่งขึ้น 2 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 80.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนน้ำมันดิบ WTI ซื้อขายล่วงหน้า ปิดตลาด พุ่งขึ้น 69 เซนต์ มาอยู่ที่ 78.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 3.4 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จากข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ สต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ห้าแล้ว ซึ่งถือว่า ยาวนานที่สุดนับจากเดือนมกราคม 2021 จากภาคการส่งออกแข็งแกร่ง แต่นักวิเคราะห์มองว่า ประเด็นนี้ ส่งผลต่อราคาน้ำมันในระดับกลางๆ
ประเด็นความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ เป็นสาเหตุหลักของราคาน้ำมันที่ดีดขึ้นเมื่อคืน ทั้งที่เพียงหนึ่งวันก่อนหน้า น้ำมันดิบเบรนท์และ WTI ยังมีราคาร่วงลง 1.4% ทั้งคู่ มาปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ เพราะมีความหวังว่า ข้อตกลงหยุดยิงในกาซ่า จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และความกังวลเรื่องการผลิตน้ำมัน
แต่ความตึงเครียดในภูมิภาคที่เป็นแหล่งผลิตน้ำมันแห่งนี้ก็กลับคืนมาอีก เพียงชั่วข้ามคืน จากข่าวผู้นำฮามาสถูกลอบสังหารในอิหร่าน
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลอิสราเอลยังอ้างว่า ได้สังหารผู้บัญชาการอาวุโสที่สุดของกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ไปได้ จากปฏิบัติการทางอากาศในกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เพื่อตอบโต้ที่มีการยิงจรวดโจมตีอิสราเอลเมื่อวันเสาร์ ขณะที่สหรัฐก็ลงมือโจมตีในอิรัก ซึ่งถือเป็นความขัดแย้งรอบใหม่ในภูมิภาค
แต่นักวิเคราะห์มองว่า ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดีดขึ้นแค่ชั่วคราว ถ้าหากไม่มีการโจมตีโดนระบบโครงสร้างพื้นฐานทางน้ำมันและก๊าซ
ส่วนดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ก็ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันมีเพิ่มสูงขึ้น เพราะราคาน้ำมันที่ซื้อขายด้วยเงินดอลลาร์ จะดูเหมือนมีราคาถูกลง สำหรับประเทศที่ถือครองสกุลเงินอื่น
แต่ราคาน้ำมันก็ไม่ได้พุ่งสูงมากขนาดนั้น เพราะยังมีความกังวลเกี่ยวกับความต้องการเชื้อเพลิงในจีน ประเทศที่นำเข้าน้ำมันดิบมากสุดในโลก เพราะกิจกรรมการผลิตในจีนประจำเดือนกรกฎาคม หดตัวลงเป็นเดือนที่สาม
By IMCT News
© Copyright 2020, All Rights Reserved