Thailand
ขอบคุณภาพจาก Sputnik Globe
26/6/2024
Sputnik Globe รายงานอ้างอิงสื่ออังกฤษ ระบุถึงสถานการณ์ของยูเครนว่าขณะนี้กำลังสิ้นหวังและต้องการเงินช่วยเหลือด้านหนี้จำนวนมหาศาล ซึ่งการยกหนี้ภาคเอกชนเป็นเพียงการตอบสนองเดียวต่อสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของประเทศ เนื่องจากแนวโน้มทางการเงินที่ย่ำแย่ของยูเครนไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น สื่ออังกฤษจึงยืนกรานว่า ผู้ถือพันธบัตรตะวันตกจะต้องยกหนี้ค้างชำระจำนวนมากของประเทศ
ขณะที่ไฟแนนเชียลไทมส์ระบุในบทบรรณาธิการที่ตีพิมพ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (23 มิ.ย.) ว่า “เคียฟอยู่ในสถานการณ์หนี้ที่ซับซ้อนอยู่แล้วก่อนเข้าสู่สงคราม โดยได้ปรับโครงสร้างหนี้ภาคเอกชนในปี 2015 ซึ่งขณะนี้ ยูเครนต้องสร้างสมดุลระหว่างการกู้ยืมเงินเพื่อสงครามกับการจัดการหนี้เก่า”
“การทำเช่นนี้เป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อน” ไฟแนนเชียลไทมส์กล่าว พร้อมอ้างว่าจำเป็นต้องมีการลงทุนจากตะวันตกจำนวนมากในขณะที่ประเทศกำลังฟื้นฟูประเทศ
สิ่งที่เดิมพันในการเจรจาครั้งนี้คือหนี้ภาคเอกชนมูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยของหนี้ค้างชำระทั้งหมดของรัฐบาลเคียฟ มูลค่า 152 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
การชำระหนี้ของยูเครนถูกระงับตั้งแต่เกิดความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน แต่กำหนดจะเริ่มชำระอีกครั้งในเดือนสิงหาคม (2024) ท่ามกลางข้อตกลงล่าสุดที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มประเทศ G7 ในการลดจำนวนเงินที่เป็นหนี้อยู่ลงถึงร้อยละ 60 ที่ถูกนักลงทุนปฏิเสธเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยนักลงทุนเสนอลดหนี้ลงร้อยละ 20 แทน
“สงครามดำเนินไปนานกว่าที่คาดไว้” ไฟแนนเชียลไทมส์ระบุ ขณะที่รายงานหลายฉบับเปิดเผยว่าสหรัฐฯ เข้าแทรกแซงเพื่อระงับการเจรจาสันติภาพระหว่างมอสโกและเคียฟในช่วงเริ่มต้นของความขัดแย้ง ซึ่งในที่สุด โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ก็ออกคำสั่งห้ามประเทศเจรจากับรัสเซีย ซึ่งทำให้นิวยอร์กไทม์สและสื่อกระแสหลักอื่นๆ ออกมายอมรับการบ่อนทำลายความพยายามยุติสงครามของวอชิงตันเมื่อต้นเดือนนี้ (มิ.ย.2024)
บทบรรณาธิการไฟแนนเชียลไทมส์เสนอทางเลือกสามทางสำหรับยูเครน ได้แก่ การผิดนัดชำระหนี้ การหยุดชำระเงินอีกครั้ง และการยืนกรานให้ยูเครนลดหนี้ลงอย่างมีนัยสำคัญยิ่งขึ้น โดยหากหยุดชั่วคราวอีก อัตราดอกเบี้ยของหนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การผิดนัดชำระหนี้จะยิ่งสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของประเทศและเบี่ยงเบนความสนใจจากความพยายามของประเทศในสนามรบ ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของมอสโกที่ดูเหมือนจะพร้อมโจมตีอย่างหนักหน่วง
ยูเครนเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นสภาพแวดล้อมที่อันตรายสำหรับนักลงทุนต่างชาติมานานหลายทศวรรษก่อนที่จะเกิดความขัดแย้งในปัจจุบัน โดยหนังสือพิมพ์ เดอะ การ์เดียนของอังกฤษเรียกยูเครนว่าเป็น “ประเทศที่ทุจริตที่สุดในยุโรป” หลังการทุจริตยังคงแพร่หลายในหมู่เจ้าหน้าที่ของรัฐมาตั้งแต่ประเทศได้รับเอกราชจากสหภาพโซเวียตในช่วงต้นทศวรรษ 1990 โดยเมื่อปีที่แล้ว (2023) โอเล็กซี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีกลาโหมถูกไล่ออก หลังเปิดโปงการฉ้อโกงมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ในข้อตกลงการจัดซื้อจัดจ้างสำหรับกองกำลังติดอาวุธของประเทศ
ขณะเดียวกัน ยูเครนก็ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากประเทศตะวันตก เพียงเพื่อให้มีเงินทุนสำหรับบริการพื้นฐานของรัฐบาลต่อไป ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง เนื่องจากชาวอเมริกันที่ระบุกับผู้สำรวจความคิดเห็นว่าพวกเขาเชื่อว่าสหรัฐฯ กำลังใช้เงินมากเกินไปในการค้ำจุนเคียฟมีเพิ่มมากขึ้น ขณะที่บริษัทการลงทุน เช่น BlackRock และ JPMorganChase เตรียมที่จะได้รับกำไรหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากความพยายามในการฟื้นฟู และหนี้สินของยูเครนจะทำให้ชาติตะวันตกยังคงมีอิทธิพลในประเทศต่อไปในอีกหลายปีข้างหน้า
IMCT News
© Copyright 2020, All Rights Reserved