25/4/2024
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน เดินทางถึงนครเซี่ยงไฮ้ในวันพุธ เพื่อเริ่มการเดินทางเยือนจีนเป็นครั้งที่สอง ในขณะที่ความสัมพันธ์ของสองประเทศยังคงมีความตึงเครียดระดับสูง บลิงเคนจะพบกับผู้นำภาคธุรกิจที่เซี่ยงไฮ้ก่อนจะเดินทางไปยังกรุงปักกิ่งในวันศุกร์เพื่อพบเจรจากับรัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวัง อี้ และอาจเข้าพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ด้วย
เป็นที่น่าสังเกตุว่าบลิงเคนไม่ได้รับการต้อนรับด้วยพรมแดงเมื่อเครื่องบินลงแตะที่สนามบินปักกิ่ง ไม่มีรัฐมนตรี หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนไปให้การต้อนรับเขาแต่ประการใด ซึ่งสะท้อนความตกต่ำของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่เดินหน้าใกล้เข้าสู่จุดแตกหักที่อาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า นักการทูตระดับสูงของสหรัฐมีกำหนดการหารือกับเจ้าหน้าที่อาวุโสของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเซี่ยงไฮ้ วันพฤหัสบดี (25 เม.ย.67) ก่อนไปประชุมวันสุดท้ายที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจได้พบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐ เผยว่า การเยือนจีนครั้งนี้ บลิงเคน อาจพยายามโน้มน้าวเจ้าหน้าที่จีนให้ระงับการค้าที่ทำให้อุตสาหกรรมด้านกลาโหมของรัสเซียฟื้นตัว และยังมีประเด็นการอ้างสิทธิเหนือเกาะไต้หวัน และการรุกรานในทะเลจีนใต้
ขณะที่คณะผู้แทนสหรัฐ มีเป้าหมายสื่อสารนโยบายอย่างชัดเจนกับรัฐบาลปักกิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความตึงเครียดใดๆ เพิ่มขึ้น
คณะผู้แทนสหรัฐกลุ่มใหญ่ที่การเดินทางเยือนพร้อมกับบลิงเคนนั้น ตอกย้ำว่า ทั้งสองฝ่ายมีประเด็นที่ต้องหารือร่วมกันมากมายในเซี่ยงไฮ้ และกรุงปักกิ่งในสัปดาห์
นี้The Global Times ของจีนรายงานว่า การเยือนจีนในครั้งนี้ของบลิงเคนจะประสบความสำเร็จ หรือจะล้มเหลวก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายสหรัฐที่ต้องการร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย หรือมุ่งเน้นที่จะกดดันจีนให้ทำตามข้อเรียกร้องของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียว
ก่อนที่บลินเคนจะขึ้นเครื่องบิน กระทรวงกิจการต่างประเทศของจีนที่ดูแลอเมริกาเหนือและโอเชียเนียได้บรรยายสรุปกับสื่อเมื่อวันจันทร์ โดยให้คำแถลงมากกว่า 3,000 คำเกี่ยวกับรายละเอียดการเยือน
โดยเนื้อหาเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์หลัก 5 ประการของการเยือนของบลิงเคนอย่างละเอียด เช่น การสร้างการรับรู้ที่ถูกต้อง การยกระดับการเจรจา การจัดการความแตกต่างอย่างมีประสิทธิผล การพัฒนาความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน และการร่วมกันรับผิดชอบของประเทศใหญ่ ๆ
การบรรยายสรุปยังถือเป็นบันทึกการเจรจาที่มอบให้กับบลิงเคน
“มีช่องว่างในทัศนคติระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งเกี่ยวข้องกับแนวทางและแนวคิดที่ทั้งสองฝ่ายใช้ในการจัดการความสัมพันธ์ทวิภาคี” อู๋ ซินโป ผู้อำนวยการศูนย์อเมริกันศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยฟู่ตัน กล่าวกับโกลบอลไทมส์เมื่อวันพุธ
แนวทางพื้นฐานของสหรัฐฯ คือการมองว่าจีนเป็นคู่แข่งทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดและเป็นความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงที่สุด ดังนั้น สหรัฐฯ จึงใช้มาตรการเพื่อควบคุมและปราบปรามจีนภายใต้นโยบายปิดล้อมจีน ขณะเดียวกันก็ต้องการให้จีนให้ความร่วมมือกับสหรัฐ และยอมอ่อนข้อให้สหรัฐในประเด็นต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อสหรัฐฯ
ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ บลิงเคนจะกดดันให้จีนยุติการสนับสนุนอุตสาหกรรมทางทหารในรัสเซียที่กำลังทำสงครามกับยูเครน โดยที่สหรัฐและนาโต้ให้ความช่วยเหลือยูเครนอย่างเต็มที่ สหรัฐออกข่าวก่อนการเดินทางเยือนจีนของบิลเคนว่า อาจจะแซงชั่นธนาคารจีน เพื่อตอบโต้การที่จีนให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมอาวุธของรัสเซีย
อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ ยังลังเลที่จะใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อบริษัทจีน โดยเฉพาะสถาบันการเงินต่าง ๆ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นเพราะหวาดกลัวจะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ในขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพิ่งลงนามในกฎหมายมาตรการช่วยเหลือต่างชาติชุดใหม่ ซึ่งรวมถึงความช่วยเหลือให้แก่ไต้หวัน$8,000ล้าน รวมทั้งกฎหมายที่บังคับให้บริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) ของจีน ต้องขายหุ้นทั้งหมดในสื่อสังคมออนไลน์ ติ๊กตอก (TikTok) ภายในเวลาหนึ่งปี ไม่เช่นนั้นติ๊กตอกจะถูกห้ามใช้ในสหรัฐฯ ด้วย
นอกจากนี้ยังมีเรื่องกำลังการผลิตส่วนเกินของจีน ที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐที่ได้หยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นพูดคุยกับจีนในการเยือนจีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสหรัฐกล่าวหาว่ารัฐบาลจีนให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมผลิตรถอีวี รวมทั้งแผงโซล่าเซลล์ ทำให้สินค้าจีนล้นตลาดโลก และทำลายคู่แข่งจากประเทศต่างๆ รวมทั้งสหรัฐ
เยลเลนต้องการให้จีนซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ส่วนที่ถือครองอยู่แล้วไม่ให้ขายให้ถือจะนครบอายุ เพราะว่าสหรัฐกำลังมีวิกฤตทางการเงิน จากการใช้จ่ายเกินตัว มีหนี้สูงมากเกินไป รัฐบาลมีการก่อหนี้$1ล้านล้าน ในทุกๆ100วัน แต่จีนปฏิเสธที่จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐล็อตใหม่ นอกจากนี้ได้ทยอยขายพันธบัตรสหรัฐออกไป แม้ว่าจะขาดทุนจากการที่ดอกเบี้ยดอลลาร์พุ่งสูงขึ้น ทำให้ราคาบอนด์ตก แต่จีนเอาดอลลาร์จากการขายพันธบัตรไปซื้อทองคำแทน การซื้อทองคำของธนาคารกลางจีน และนักลงทุนรายย่อยของจีนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากเรื่องความมั่นคงและเศรษฐกิจแล้ว คาดว่ารัฐมนตรีบลิงเคนคาดว่าจะพูดเรื่องให้จีนซื้อพันธบัตรสหรัฐต่อไป และอาจจะหยิบยกประเด็นสิทธิมนุษยชนขึ้นมาพูดกับผู้นำจีนด้วย โดยเฉพาะการกระทำต่อชาวมุสลิมในมณฑลซินเจียงทางภาคตะวันตกของจีน
อย่างไรก็ตาม บลูมเบิร์ก ระบุว่า การประชุมรอบนี้คงไม่มีอะไรที่คืบหน้าหรือเป็นรูปธรรมมากนัก และแม้มีหลายสัญญาณบ่งบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ และจีนมั่นคง แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงมีข้อพิพาทในประเด็นการค้า, เทคโนโลยี, สิทธิมนุษยชน, ยูเครน, เกาหลีเหนือ และภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นภูมิภาคที่บลิงเคนพยายามขอให้จีนช่วยกดดันอิหร่าน
IMCT News
ที่มา Agencies