รัสเซียลดการส่งออกยูเรเนียมไปยังสหรัฐฯ
ขอบคุณภาพจาก Sputnik International
17-11-2024
รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่นำโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ตราพระราชบัญญัติห้ามการจัดหา "ยูเรเนียมเสริมสมรรถนะต่ำที่ไม่ได้รับการฉายรังสีซึ่งผลิตในสหพันธรัฐรัสเซียหรือโดยหน่วยงานของรัสเซีย" ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเพิกเฉยต่อข้อกังวลที่ผู้ประกอบการด้านนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ และผู้เข้าร่วมตลาดเชื้อเพลิงนิวเคลียร์แสดงออกมา
ด้านรัฐบาลรัสเซียได้กำหนดข้อจำกัดชั่วคราวในการส่งออกยูเรเนียมเสริมสมรรถนะไปยังสหรัฐฯ โดยบริษัทต่างๆ ยังคงสามารถส่งออกยูเรเนียมไปยังสหรัฐฯ ได้ ภายใต้ใบอนุญาตครั้งเดียวที่ออกโดยสำนักงานบริการด้านเทคนิคและการควบคุมการส่งออกของรัฐบาลกลาง ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวตอบโต้หลังจากรัฐบาลไบเดนได้ลงนามในพระราชบัญญัติห้ามการนำเข้ายูเรเนียมจากรัสเซียจนถึงปี 2040 โดยอนุญาตให้มีข้อยกเว้นจนถึงปี 2028 แม้จะมีคำเตือนว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เอง
รัสเซียเป็นซัพพลายเออร์ยูเรเนียมเสริมสมรรถนะรายใหญ่ที่สุดในโลก มีกำลังการผลิตยูเรเนียมที่จำเป็นสำหรับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั่วโลกคิดเป็นประมาณ 44% ของกำลังการผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะทั้งหมด โดยคิดเป็นมูลค่าการส่งออกประมาณ 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งการวัดผลของรัสเซียอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านอุปทานต่อบริษัทสาธารณูปโภคที่ดำเนินการเครื่องปฏิกรณ์ของอเมริกา
นอกจากนี้ การส่งออกยูเรเนียมของรัสเซียไปยังสหรัฐฯ ครอบคลุมความต้องการเชื้อเพลิงเสริมสมรรถนะของสหรัฐฯ 27% ในปี 2023 โดยมีมูลค่าการซื้อ 574 ล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงเกือบ 32% จากปีก่อน ตามสถิติของสหรัฐฯ จากการที่รัสเซียเป็นซัพพลายเออร์เชื้อเพลิงจากต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ สำหรับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เชิงพาณิชย์ในปี 2022
ด้านโจนาธาน ฮินเซ ประธานบริษัท UxC บริษัทวิเคราะห์และวิเคราะห์ตลาดเชื้อเพลิงนิวเคลียร์กล่าวว่า ผู้ประกอบการเครื่องปฏิกรณ์บางรายอาจต้องดิ้นรนเพื่อหาซัพพลายเออร์รายอื่น เพราะแม้สหรัฐฯ มีแหล่งยูเรเนียมเป็นของตัวเอง แต่กำลังการผลิตเสริมสมรรถนะในประเทศลดลง ขณะที่ร่างกฎหมายของไบเดนที่ห้ามนำเข้ายูเรเนียมเสริมสมรรถนะของรัสเซียยังจัดสรรเงินทุนของรัฐบาลกลางประมาณ 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้างกำลังการผลิตเสริมสมรรถนะใหม่ในสหรัฐฯ
ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมเชิงพาณิชย์เพียงแห่งเดียวในนิวเม็กซิโก ซึ่งเป็นของกลุ่มบริษัท Urenco Ltd. ของอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี ที่แม้หน่วยงานของ Urenco ในสหรัฐฯ จะจัดหายูเรเนียมเสริมสมรรถนะประมาณหนึ่งในสามของที่ใช้ในเครื่องปฏิกรณ์ของสหรัฐฯ แต่ “เราไม่มียูเรเนียมเสริมสมรรถนะเพียงพอที่นี่... พวกเขาควรจะกักตุนยูเรเนียมเสริมสมรรถนะไว้เพื่อเตรียมรับมือกับเหตุการณ์นี้” คริส กาโดมสกี นักวิเคราะห์ด้านนิวเคลียร์กล่าว
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์เตือนว่าข้อจำกัดในการจัดหายูเรเนียมอาจส่งผลต่อราคา เนื่องจากจะทำให้ความต้องการจากแหล่งอื่นๆ เพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ จากการที่เชื้อเพลิงเสริมสมรรถนะยังไม่ได้ผลิตในปริมาณที่ต้องการ หลังการเสนอราคาสำหรับการส่งมอบยูเรเนียมในเดือนพฤศจิกายน 2025 พุ่งขึ้น 4 ดอลลาร์สหรัฐฯ แตะ 84 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปอนด์หลังจากมีข่าวนี้ ตามรายงานของ UxC
จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทยูเรเนียมหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับยูเรเนียมอื่นๆ ก็พุ่งสูงขึ้น หุ้นของบริษัท Cameco Corp. ของแคนาดาพุ่งขึ้น 6% และหุ้นของบริษัท Ur-Energy Inc. และ Uranium Energy Corp. ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 10% และ 13% ตามลำดับ
ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย เรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาข้อจำกัดในการส่งออกวัสดุเชิงยุทธศาสตร์ เช่น นิกเกิลและไททาเนียม เพื่อตอบสนองต่อนโยบายคว่ำบาตรของชาติตะวันตก โดยเน้นย้ำว่าควรพิจารณาข้อจำกัดตราบเท่าที่ "สิ่งนี้ไม่เป็นอันตรายต่อเรา"
IMCT News
ที่มา https://sputnikglobe.com/20241116/russia-cuts-uranium-exports-to-us-whats-next-1120904336.html