จีนตั้งเป้าพัฒนาประเทศทั้งภาคการทหารและเศรษฐกิจ
6/3/2024
จีนเปิดประชุมสภาประชาชนแห่งชาติและสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติไปแล้ว ท่ามกลางการจับตาว่า รัฐบาลจีนจะวางหมากเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง นโยบายต่างประเทศ และเป้าหมายทางการทหาร
รายงานการทำงานของรัฐบาลจีนได้ถูกส่งมอบต่อสภาประชาชนแห่งชาติไปแล้วเมื่อวาน ( 5 มีค. 2024 ) เป็นการวางเป้าหมายเพื่อให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง ไปจนถึงการสนับสนุนให้เกิดความเป็นธรรมในระดับนานาประเทศ การประชุมครั้งนี้ ยังจำเป็นที่จะต้องตอกย้ำเรื่องการปรับปรุงการทหารให้ทันสมัย เพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลก
การประชุมสภาประจำปี ถือเป็นหนึ่งในมหกรรมทางการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรอบปีของจีน การประชุมในปีก่อนๆ จะเป็นการวางแนวทางสร้างเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมตลอดทั้งปี ควบคู่ไปกับประเด็นความมั่นคง
รายงานจากกระทรวงการคลังของจีน ระบุว่า จีนจะทุ่มงบจับจ่ายทางการทหารในปี 2024 เพิ่มอีก 7.2% งบทางการทหารมูลค่า 1.66 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 8 ล้านล้านบาท ได้รับการเปิดเผยในร่างรายงานงบประมาณที่แจกจ่ายในที่ประชุม
นายกรัฐมนตรี หลี่เฉียงของจีน เน้นย้ำประเด็นการวางยุทธศาสตาร์ทางการทหารของประเทศ โดยระบุว่า จีนจะต้องสร้างเสริมความพร้อมทางการสู้รบ และการฝึกกองทัพให้มีความแข็งแกร่ง ตลอดจนการคุ้มกันอธิปไตยของประเทศ ความมั่นคง และผลประโยชน์ในส่วนอื่น
เขาเคยพูดเมื่อปีที่แล้วว่า ( 2023 ) จีนประสบความสำเร็จในด้านการทหาร ส่วนในปีนี้ ( 2024 ) ถือเป็นก้าวย่างสำคัญที่จะบรรลุเป้าหมายในรอบศตวรรษของกองทัพปลดปล่อยประชาชนชาวจีน และเร่งโครงการทางการทหารให้สำเร็จ
นายกฯ หลี่เฉียง ยังย้ำว่า จีนยึดมั่นในนโยบายการต่างประเทศที่เป็นอิสระ เพื่อความสันติสุข และกลยุทธ์ที่สร้างผลประโยชน์ให้ลงตัวทั้งสองฝ่าย ปณิธานที่จะเข้าร่วมกับสังคมโลก เพื่อความสำเร็จในการปฏิรูประบบการกำกับดูแลโลก
โฆษกจีนยังแถลงต่อสื่อมวลชนว่า ถ้าเปรียบเทียบกับมหาอำนาจทางการทหารอย่าง สหรัฐ แล้ว การใช้จ่ายทางการทหารของจีนยังถือว่า น้อยมาก ไม่ว่าจะคิดในแง่สัดส่วนของจีดีพีหรืองบประมาณที่ทุ่มไปทั้งหมด หรือจะคิดในแง่ต่อจำนวนประชากร หรือต่อจำนวนทหารก็ได้
ในด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีจีนเปิดเผยเป้าหมายสำคัญ คือการตั้งเป้าจีดีพีในปีนี้ ว่า น่าจะอยู่ประมาณ 5% และหวังจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการขยายตัวทางเศรษฐกิจเสียใหม่ เขายอมรับว่า การบรรลุเป้าหมายในปีนี้อาจไม่ง่ายนัก จึงจำเป็นต้องพุ่งเป้าไปที่นโยบาย ทำงานอย่างหนัก และทุ่มเทความพยายาม
ส่วนตัวเลขขาดดุลงบประมาณต่อจีดีพี ตั้งเป้าให้อยู่ที่ 3% ในปีนี้ โดยการขาดดุลของรัฐบาลจะพุ่งขึ้น 1 แสน 8 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ 9 แสนล้านบาท จากปีงบประมาณของ 2023
เมื่อปี 2023 จีดีพีของจีนขยายตัว 5.2% แซงหน้าเป้าเดิมที่ตั้งไว้ว่า อาจอยู่ที่ 5% คิดเป็น 30% ของการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ส่วนตัวเลขการว่างงานในตัวเมืองปีนี้ ตั้งเป้าให้อยู่ที่ประมาณ 5.5% และยังวางเป้าหมายสร้างงานใหม่ประมาณ 12 ล้านตำแหน่ง ตัวเลขเงินเฟ้ออยากให้อยู่ประมาณ 3%
นายกรัฐมนตรี หลี่เฉียง บอกว่า จีนทุ่มงบพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และตอนนี้ คนที่อยู่อาศัยในตัวเมืองก็คิดเป็น 66.2% ของประชากรทั้งหมด รัฐบาลจีนจะดำเนินนโยบายที่มั่นคง โปร่งใส และคาดเดาได้ และพุ่งเป้าไปที่การสื่อสารกับตลาดเป็นสำคัญ
จีนยังเผยแผนออกพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวแบบพิเศษ กินเวลานานหลายปี เพื่อรองรับกลยุทธ์ที่วางไว้ของประเทศ โดยชุดแรกที่ออกมาจะมีมูลค่า 1 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 5 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้ ยังเร่งกระตุ้นให้เกิดความต้องการจับจ่ายภายในประเทศ แต่ต้องเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ และโครงการกระตุ้นการบริโภคจะถือเป็นไฮไลต์สำคัญที่ตั้งเป้าไว้ในปีนี้ ทั้งยังมีแผนส่งเสริมนักลงทุนภาคเอกชน ให้เข้ามาลงทุนในกิจการโทรคมนาคม และบริการทางการแพทย์ และจะขยายการค้าต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน ทั้งยังจะลบล้างกำแพงกีดขวางการลงทุนจากต่างชาติทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง ในภาคการผลิตต่างๆ
เป้าหมายของจีน ยังเป็นไปเพื่อรับประกันความมั่นคงทางอาหาร เพื่อให้แน่ใจว่า คนจีนจะมีอาหารกินอย่างเพียงพอด้วยภาคการผลิตของตนเอง
ในด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี จีนตั้งเป้าจะพึ่งพาตัวเองให้ได้ ตั้งแต่ AI หรือระบบปัญญาประดิษฐ์ ไปจนถึง การผลิตชิพ เพื่อเผชิญหน้ากับความพยายามของสหรัฐที่จะสกัดกั้นการพัฒนาของจีนในส่วนนี้ จีนลงทุนอย่างหนักในภาคอุตสาหกรรม การพัฒนาและวิจัยผู้บริโภค ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตัวเลขการลงทุนในส่วนนี้ คิดเป็น 2.2% ของจีดีพี ในปี 2022
จีนยังมุ่งหวังปรับระบบอุตสาหกรรมให้ทันสมัย และพัฒนาคุณภาพการผลิตให้เร็วขึ้น รัฐบาลจะเพิ่มงบการใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาอีกประมาณ 10% ส่งเสริมอุตสาหกรรมและระบบซัพพลายเชนให้ทันสมัย พุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมแห่งอนาคตอย่างแท้จริง เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีควอนตัม พลังงานไฮโดรเจน เที่ยวบินอวกาศเชิงพาณิชย์ และการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล
โดยเฉพาะโครงการ AI Plus ที่ได้รับการเปิดตัว ตั้งเป้าส่งเสริมการวิจัย AI และแอพพลิเคชั่น AI Plus จะเข้ามาช่วยในการบูรณาการ AI แบบเชิงลึก และระบบเศรษฐกิจ จีนยังต้องการจะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม เช่น การสร้างยานยนต์อัจฉริยะที่ใช้พลังงานแบบใหม่
By IMCTNews
อ้างอิงจาก https://sputnikglobe.com/20240305/how-much-will-china-spend-on-defense--economic-strength-1117139583.html