Thailand
ทำไมยูเครนจึงมีความสำคัญต่อตารางหมากรุกของสหรัฐ
05/03/2024
ซบิกนิว เบรสซินสกี้ (Zbigniew Brzezinski) อดีตที่ปรึกษาทางความมั่นคงให้ประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ เขียนหนังสือ The Grand Chessboard ในปี1997 เพื่อวางพิมพ์เขียวของนโยบายภูมิรัฐศาสตร์การเมืองให้สหรัฐฯในการครอบงำรัสเซียและรักษาความเป็นจ้าวโลกของตัวเองต่อไป
เบรสซินสกี้เขียนว่ายูเครนเป็นประเทศที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในตารางหมากรุกของยูเรเซีย ถ้าไม่มียูเครน รัสเซียจะไม่สามารถเป็นใหญ่ในยูเรเซียได้ แต่ถ้ารัสเซียยึดยูเครนและทรัพยากรที่สำคัญได้ รัสเซียจะเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่เหนือทั้งยุโรปและเอเซีย
นอกจากยูเครนแล้ว อาเซอร์ไบจาน เกาหลีใต้ ตุรกีและอิหร่านจะเป็นประเทศที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในภูมิรัฐศาสตร์
เบรสซินสกี้แนะว่าในเมื่อยูเรเซียจะเป็นดินแดนที่มีความสำคัญในภูมิรัฐศาสตร์ของโลกต่อไปในอนาคต สหรัฐฯจำต้องทำทุกอย่างไม่ให้มีมหาอำนาจใดของยูเรเซีย หรือรัสเซียนั่นเอง สามารถเติบโตขึ้นมาเพื่อท้าทายอำนาจของสหรัฐฯได้
จึงไม่น่าแปลกใจที่ในปี 2014 สหรัฐฯก่อวิกฤติยูเครนเพื่อดึงเอายูเครนออกจากอ้อมอกของรัสเซีย และสกัดแผนการใหญ่ของปูตินที่จะสร้างอาณาจักรยูเรเซียที่มีดินแดนกว้างใหญ่เชื่อมโยงยุโรปและเอเซียเข้าด้วยกัน สหรัฐฯไม่ลดละที่จะตีคอกให้รัสเซียอยู่ในวงจำกัด
หลังสงครามโลกครั้งที่2 สหรัฐสร้างนาโต้ขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนของโลกเสรีในการปิดล้อมรัสเซียทางทหาร ทำให้รัสเซียต้องตั้งกลุ่ม Warsaw Pact ที่เป็นตัวแทนของค่ายคอมมูนิสต์ขึ้นมาเพื่อตอบโต้ ทั้งสองฝ่ายสู้กันผ่านสงครามเย็นและสงครามตัวแทนและการสะสมอาวุธนิวเคลียร์แข่งกัน จนในที่สุดรัสเซียยกธงขาวยอมแพ้ เพราะว่าระบบเศรษฐกิจภายในของสหภาพโซเวียตไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะรักษาฐานอำนาจเพื่อแข่งขันสู้ระบบของสหรัฐได้
อาณาจักรโซเวียตล่มสลายในปี1991 แต่แทนที่จะหยุดแค่นั้นสหรัฐฯและนาโต้แผ่ขยายอำนาจไปทางทิศตะวันออกด้วยการดึงเอาประเทศที่เคยตกอยู่ภายใต้อานัติของรัสเซีย เพื่อที่จะเข้าไปประชิดชายแดนรัสเซีย และปิดล้อมรัสเซียทางทหารผ่านการตั้งฐานทัพและขีปนาวุธ
อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla และ SpaceX ดูเหมือนว่าจะเห็นด้วยกับนักลงทุนชาวอเมริกัน นายเดวิด แซคส์ (David Sacks) ผู้ซึ่งแย้งว่าหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต นาโต้สูญเสียเหตุผลในการดำรงอยู่ แต่กลับตัดสินใจที่จะขยายองค์กรเพื่อเติมเต็มช่องว่าง
แซ็กส์เขียนบน X (ชื่อเดิม Twitter) เมื่อวันเสาร์ว่า กลุ่มที่นำโดยสหรัฐฯ “เผชิญกับวิกฤตที่มีอยู่” ในช่วงทศวรรษ 1990 เนื่องจากไม่มีคู่แข่งที่เทียบได้กับสหภาพโซเวียตอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม “แทนที่จะยุบองค์กร นาโต้กลับมาพร้อมกับภารกิจใหม่ คือการขยายสมาชิก”
“การขยายตัวของ NATO จะสร้างความเป็นปรปักษ์ที่จำเป็นในการดำรงอยู่ของตัวเอง” เขากล่าวเสริม
ในขณะเดียวกัน มัสก์ดูเหมือนจะเห็นด้วยกับแซคส์ โดยเขียนบน X ว่า “จริง” ผมสงสัยอยู่เสมอว่าเหตุใด นาโต้จึงยังคงมีอยู่ แม้ว่าสนธิสัญญาวอร์ซอซึ่งเป็นศัตรู และเหตุผลในการมีอยู่ของมันได้สลายไปแล้วก็ตาม”
ประธานาธิบดีวราดิเมียร์ ปูตินขึ้นมามีอำนาจในปี2000ท่ามกลางซากปลักหักพังของเศรษฐกิจรัสเซีย แต่เขาใช้ความอดทนและทุ่มเทเวลาท้ังหมดในการสร้างชาติรัสเซียนใหม่ผ่านการปฏิรูปเศรษฐกิจ และสร้างแสนยานุภาพทางทหารให้ทัดเทียมสหรัฐ
ปูตินเตือนนาโต้ และสหรัฐในหลายโอกาสว่า นาโต้มีความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญหน้ากับรัสเซียทางทหาร ถ้าหากว่ายังคงเดินหน้าขยายสมาชิกมาประชิดชายแดนของรัสเซีย แต่คำเตือนของปูตินไม่เป็นผล
เมื่อยูเครนภายใต้การบริหารของนายวโลดิเมียร์ เซเลนสกี้ ซึ่งถือว่าเป็นเมืองหน้าด่านของรัสเซียมีท่าทีที่ต้องการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของนาโต้ และมีการทำสงครามกับผู้ที่มีเชื้อสายรัสเซียนในแคว้นดอนบาสส์ ปูตินตัดสินใจส่งกองทัพเข้าโจมตียูเครน
ผลของสงครามมาถึงตอนนี้ ทหารยูเครนเสียชีวิตและบาดเจ็บไปแล้ว1 ล้านคน ส่วนรัสเซียไม่ได้สูญเสียมาก ตัวเลขประมาณหลักหมื่น แต่ตอนนี้ รัสเซียสามารถยึดครองพื้นที่ยูเครนได้20% โดยได้ผนวกเอาไครเมียตั้งแต่ปี2014 และลูฮันส์ก โดเน็ตส์ เคอร์วอน ซาโปริเชียในปี 2022 บริเวณนี้เป็นเขตอุสาหกรรมและมีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติ แต่ที่สำคัญที่สุด พื้นที่ทางตอนใต้ของยูเครนเป็นทางออกสู่ทะเลดำ ซึ่งเป็นพื้นที่ทางทะเลที่สำคัญที่สุดทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียที่เชื่อมต่อกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ด้วยเหตุนี้รัสเซียไม่สามารถยอมให้ยูเครนตกไปอยู่ใต้อิทธิพลของนาโต้ เพราะว่าจะจำกัดพื้นที่ในทะเลดำของรัสเซีย
ที่สำคัญที่สุดยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของยูเรเซียที่รัสเซียต้องการฟื้นฟูและกลับมามีอิทธิพล เนื่องจากยูเรเซียเป็นพื้นที่เปลือกโลกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ล่าสุดดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงรัสเซีย ออกมาตอกย้ำว่า ยูเครนอยู่ในขอบเขตผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ของรัสเซีย และไม่มีอนาคตอื่นใดของยูเครนนอกจากนี้
เขากล่าวในที่การประชุมเยาวชนในเมืองโซชีเมื่อวันจันทร์ ชาวรัสเซียถือว่ายูเครนเป็นส่วนหนึ่งของอารยะธรรมรัสเซียที่ใหญ่กว่า มอสโควมองว่านี่เป็น “ช่วงล่างที่อ่อน" ของประเทศ ซึ่งไม่ควรปล่อยให้เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของรัสเซีย
“ดินแดนบนทั้งสองฝั่งของแม่น้ำนีเปอร์เป็นส่วนที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ของเขตแดนประวัติศาสตร์เชิงยุทธศาสตร์ของรัสเซีย” เขากล่าว โดยใช้คำที่เขาชอบสำหรับสิ่งที่มักเรียกว่า “ขอบเขตอิทธิพล” ในภูมิรัฐศาสตร์ “ความพยายามทั้งหมดที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ด้วยกำลัง และตัดร่างกายที่มีชีวิตของมันจะต้องล้มเหลว”
เขากล่าวถึงชื่อหนังสือของลีโอนิด คุชมา ประธานาธิบดีคนที่สองของยูเครนภายหลังเอกราชจากสหภาพโซเวียต ซึ่งประกาศว่า "ยูเครนไม่ใช่รัสเซีย"
“แนวคิดนี้จะต้องหายไปตลอดกาล ยูเครนคือรัสเซียอย่างไม่ต้องสงสัย” เมดเวเดฟกล่าว
By Thanong Khanthong, Editor
© Copyright 2020, All Rights Reserved