โพลชี้ ชาวอเมริกัน 1 ใน 4กลัวจะเกิดสงครามกลางเมือง
36 0C
Thailand
Thailand
ขอบคุณภาพจาก RT
26.10.2024
ผลสำรวจของ YouGov เมื่อเร็วๆ นี้ชี้ว่า ชาวอเมริกันประมาณ 27% เชื่อว่าสงครามกลางเมืองมีแนวโน้มที่จะปะทุขึ้นหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะถึงนี้ โดยทั้งผู้สนับสนุนทั้งโดนัลด์ ทรัมป์และกมลา แฮร์ริสก็แสดงความกังวลในลักษณะเดียวกัน
ชาวอเมริกันจำนวนมากกลัวว่าการเลือกตั้งที่จะถึงนี้จะนำไปสู่ความรุนแรงทางการเมือง โดย 6% ระบุว่า มีแนวโน้มสูงมากที่จะเกิดสงครามกลางเมืองครั้งรอบสอง และ 21% ระบุว่า "ค่อนข้างเป็นไปได้" ผู้สนับสนุนทรัมป์และแฮร์ริสมีพอๆ กัน ที่คิดว่าสงครามกลางเมืองอย่างน้อยก็น่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้บ้าง จากผลสำรวจที่จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 18-21 ตุลาคม ให้กับ The Times และโครงการ SAY24
ผู้ตอบแบบสอบถาม 1,266 คน 12% ระบุว่าพวกเขารู้จักใครบางคนที่อาจหยิบอาวุธขึ้นมาหากเชื่อว่าทรัมป์ถูกโกงชัยชนะ ในขณะที่ 5% บอกว่า รู้จักใครบางคนที่จะทำในแบบเดียวกันนี้ หากแฮร์ริสถูกโกงเลือกตั้ง ผู้สำรวจยังถามเรื่องการครอบครองปืนด้วย แต่ไม่พบว่า มันจะมีส่วนสัมพันธ์กันกับแนวโน้มสงครามกลางเมืองที่อาจเกิดขึ้น
ผลสำรวจเน้นย้ำถึงความแตกแยกร้าวลึกภายในสังคมอเมริกัน โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 84% เห็นด้วยว่า สหรัฐแตกแยกมากกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากการแข่งขันและสนับสนุนแฮร์ริสให้เป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อจากพรรค ทางพรรคเดโมแครตก็เริ่มมีช่วงเวลาดีๆ กับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง สะท้อนให้เห็นจากคะแนนนิยมที่เพิ่มขึ้น แต่ ผลสำรวจเมื่อไม่นานมานี้ ระบุว่าทรัมป์นำในรัฐที่ยังไม่ชี้ชัดว่า ใครจะชนะเลือกตั้ง แม้โพลที่ออกมาจะมีค่าความผิดพลาดอยู่บ้างก็ตาม
หลังจากการเลือกตั้งในปี 2020 ผู้สนับสนุนทรัมป์จำนวนหนึ่งได้บุกไปที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 เพื่อขัดขวางไม่ให้สมาชิกรัฐสภารับรองสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นชัยชนะอันฉ้อฉลของไบเดน การลุกฮือได้ลุกลามกลายเป็นการจลาจลอย่างรวดเร็ว ซึ่งไบเดนและเพื่อนร่วมพรรคเดโมแครตระบุว่าเป็น "การก่อกบฏ"
เจ้าหน้าที่ได้จับกุมและตั้งข้อหาผู้เข้าร่วม 1,457 คน ฐานบุกรุกสถานที่ราชการ แต่บางคนต้องเผชิญกับความผิดร้ายแรงกว่านั้น
ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน รอดชีวิตจากการพยายามลอบสังหารหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และกำลังถูกตั้งข้อหาจากรัฐบาลกลางว่าเป็นผู้ยุยงให้เกิดการจลาจล โดยปลุกปั่นให้ผู้สนับสนุนของเขา “ต่อสู้สุดชีวิต” เพื่อต่อต้านการรับรองชัยชนะของไบเดนในครั้งนั้น ทนายความของทรัมป์ยืนยันว่าทรัมป์มีสิทธิ์ที่จะออกแถลงการณ์ดังกล่าว ทรัมป์ยังให้ผู้สนับสนุน “กระทำการอย่างสันติและรักชาติ” อีกด้วย
By IMCT NEWS
อ้างอิงจาก: https://on.rt.com/czwj
