Thailand
28/03/2024
คนอเมริกันส่วนใหญ่เชื่อว่ามีแนวโน้มที่สหรัฐฯจะมีส่วนร่วมในสงครามโลกที่จะเกิดขึ้นภายในทศวรรษหน้า ภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีโจ ไบเดน สหรัฐฯกำลังเตรียมทำสงครามกับประเทศมหาอำนาจอย่างรัสเซียและจีน ที่มีส่วนร่วมในความขัดแย้งในตะวันออกกลางหลายครั้ง และเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอิหร่านและเกาหลีเหนือ
จากการสำรวจความคิดเห็นครั้งใหม่ของเว็บ YouGov ความคิดเห็นของชาวอเมริกันกว่า 61% ได้คำตอบว่ามีความเป็นไปได้สูงหรือค่อนข้างสูงที่จะเกิดสงครามโลกอีกครั้งในอีกห้าถึงสิบปีข้างหน้า และประมาณสองในสามของผู้ตอบแบบสำรวจได้เชื่อว่าสงครามดังกล่าวจะกลายเป็นความขัดแย้งโดยมีอาวุธนิวเคลียร์เข้ามาเกี่ยวข้อง
เมื่อถูกถามว่าประเทศใดจะเป็นแนวร่วมต่อต้านสหรัฐฯ ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ตอบว่า มีประเทศเกาหลีเหนือ อิหร่าน อิรัก รัสเซีย และจีน ยังมีการระบุอีกว่าสมาชิกของกลุ่ม NATO เช่น ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร ตลอดจนอิสราเอลและยูเครน จะกลายเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯในสงครามโลกที่จะมาถึงในครั้งนี้
ชาวอเมริกันนั้นไม่ได้มองโลกในแง่ดีมากเกินไปเกี่ยวกับความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น มีเพียงคนส่วนน้อยที่เชื่อว่าสหรัฐฯ และพันธมิตรจะเอาชนะรัสเซียได้ ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมดกล่าวว่า สหรัฐฯจะแพ้สงครามให้กับรัสเซียหรือให้กับพันธมิตรระหว่างทางกรุงมอสโกและกรุงปักกิ่ง
แม้ว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่เชื่อว่าความขัดแย้งระดับโลกกำลังจะเกิดขึ้น แต่พวกตนก็ไม่สนใจที่จะต่อสู้ในสงคราม ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าสองเท่ากล่าวว่าพวกตนจะปฏิเสธในการเกณฑ์ทหาร แม้ว่าจะมีรายงานระบุว่ามีผู้มาเกณฑ์ทหารมากกว่าที่ระบุไว้ก็ตาม แต่กลุ่มคนดังกล่าวจะอาสาในการรบเองหากสงครามเกิดการปะทุขึ้น นอกจากนี้ยังมีชาวอเมริกันจำนวนหนึ่งมีแนวโน้มที่จะรับราชการทหารในบทบาทที่ไม่ใช่การต่อสู้ถ้าหากบ้านเมืองได้ถูกคุกคาม
การสำรวจนี้ได้ถูกจัดทำขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีไบเดนนำพาสหรัฐฯ เข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งต่าง ๆ มากมาย ส่งผลให้อเมริกาจวนจะเกิดสงครามในพื้นที่ตามจุดต่าง ๆทั่วโลก โดยทางทำเนียบขาวกำลังทำสงครามแบบตัวแทนกับทางรัสเซียในยูเครน ความขัดแย้งดังกล่าวรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ยูเครนกำลังสูญเสียดินแดนและโจมตีรัสเซียแบบหนักหน่วง เพื่อเป็นการตอบโต้การโจมตี ทางกรุงมอสโกได้เปิดฉากโจมตีเมืองต่าง ๆ ของยูเครนมากขึ้นและทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานด้วยการโจมตีด้วยขีปนาวุธเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ในตะวันออกกลาง นายไบเดนถอนตัวออกจากอัฟกานิสถาน แต่ในเดือนตุลาคม ตนได้ติดตามดูอิสราเอลที่เข้าสู่สงครามภูมิภาคครั้งใหญ่ โดยทางกรุงวอชิงตันได้มีการส่งระเบิดหลายพันลูกเข้าไปยังกรุงเทลอาวีฟ และยังมีการทิ้งระเบิดที่เยเมน อิรัก และซีเรียอีกด้วย เนื่องจากทหารอเมริกัน 3 นายถูกสังหารในจอร์แดนเมื่อต้นปีนี้ (2024) แม้ว่าจะเป็นเรื่องภายในห้องโถงของทำเนียบขาว เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ก็มีความกังวลว่านโยบายตะวันออกกลางของไบเดนอาจนำไปสู่สงครามในวงกว้างกับอิหร่านและฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนได้
ประธานาธิบดีไบเดนยังคงสั่งสมกำลังทหารในแถบเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความตึงเครียดกับทางเกาหลีเหนือและจีน โดยผู้นำเกาหลีเหนืออย่างนายคิม จองอึน ตอบโต้ด้วยการทดสอบขีปนาวุธอย่างหุนหันพลันแล่นและการเล่นเชิงวาทกรรมที่ร้อนแรง ทางกรุงปักกิ่งเองก็ได้ตอบโต้การสนับสนุนของวอชิงตันต่อไทเปและมะนิลามากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการซ้อมรบในช่องแคบไต้หวัน ทะเลใต้ และทะเลจีนตะวันออก
ความแตกแยกที่เพิ่มขึ้นในเศรษฐกิจกำลังเพิ่มความตึงเครียดไปทั่วอย่างเห็นได้ชัด โดยมีจำนวนประเทศที่รับผลกระทบเพิ่มขึ้น ทั้งประเทศรัสเซีย จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ คิวบา เวเนซุเอลา นิการากัว ซีเรีย เยเมน และซิมบับเวที่เผชิญกับการคว่ำบาตรครั้งใหญ่ของสหรัฐฯ นอกจากนี้สงครามทางเศรษฐกิจได้แพร่ไปสู่ประเทศอื่น ๆที่รวมตัวกันอยู่นอกกรอบหารควบคุมของทางกรุงวอชิงตันอีกด้วย
IMCT NEWS
© Copyright 2020, All Rights Reserved