27/8/2024
Peter Reagan เขียนรายงานใน Birch Gold ว่า ราคาทองคำทำ all-time-highs จนมาสูงกว่า $2,500 ทำให้นักวิเคราะห์ต้องวิ่งวุ่นปรับเป้าราคากันใหม่ ...ที่จริงยังไม่มีใครคิดมาก่อนว่าราคา $2,500 จะมาถึงก่อนปี 2025 นะ ...เป้าต่อไปที่ $3,000 จึงไม่มีใครแน่ใจว่าจะมาตอนไหน ....รอดูว่าผู้รู้จะว่ายังไง
ราคาที่ทำลายสถิติที่ $2,500 เลยทำให้นักเศรษฐศาสตร์หันมาหนุนเรื่องมาตรฐานทองคำกันมากขึ้น ....และเรื่องการปรับมูลค่าทองคำ จึงคงไม่ใช่ข่าวดีสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เป็นเจ้าของทองคำไว้เลย..เป็นแน่
ตอนนี้ผู้รู้จำนวนมากก็ทำนายราคาที่ $3,000 กันไปแล้ว
ทองคำสร้างความระทึกใจให้กับนักวิเคราะห์ในหลายวันมานี้ ...พุ่งไปทำ all-time-high ที่ $2,509.71 เมื่อวันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม ....แค่สัปดาห์เดียวก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญยังเชื่อว่าราคาทองคำคงจะไปได้ถึง $2,500 ในปีนี้ หรืออาจเป็นปี 2025 โน่น
แต่ตอนนี้มันก็เป็นไปแล้ว นำหน้านักวิเคราะห์ไปก่อนแล้ว ไปถึงเป้าก่อนซะอีกถึง 4 เดือน
แล้วอะไรทำให้ราคาทองคำขึ้นไปได้อย่างนั้น?
เหตุผลก็น่าจะอยู่ที่ราคาบ้านในสหรัฐร่วงลง และการคาดหวังว่า Fed คงมีการลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้ แต่สองเหตุผลนี้ไม่น่าจะพอ ...เพราะที่จริง เรื่องการคาดเดาอัตราดอกเบี้ยที่จะลดลงไปในอีกสองครั้งหน้า ..ส่งราคาทองคำไปก่อนล่วงหน้าแล้ว (priced in)
ไม่เคยมีอย่างนี้มาก่อนเลยนะ ที่ sentiment ของผู้คนจะไปทางกระทิง ตอนนี้ ต่อให้นักวิเคราะห์ออกมาบอกว่าราคาทองคำจะลง หรือเป็นฟองสบู่ไปแล้ว ก็ไม่น่าจะมีใครเชื่ออีกแล้วหรอก
นักวิเคราะห์ทั้งสมัครเล่นหรือมืออาชีพ ต่างก็บอกว่าราคาจะไม่มีทางลงต่ำกว่า $2,500 แล้ว ....ปีนี้ราคาขึ้นไปแล้วถึง 34% หลายคนถึงแน่ใจเรื่องราคาที่ $3,000 ต่อออนซ์ ไม่ช้านี้
ตอนนี้คำค้นยอดนิยมของ Google จึงกลายเป็น "How To Trade Gold" มาได้เกือบสิบปีแล้ว ...เวลาพอดีกับ..ช่วงท้าย ๆ ของวิกฤตการเงินรอบล่าสุดเลย
นี่หมายความว่า ในวิกฤตยังมีอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า? ไม่มีใครออกมาเตือน หรือมี panic อะไรเกิดให้เห็นเลย
มีแต่เรื่องเงินเฟ้อที่ยังไม่เลิกราซะที แล้ว Fed ก็ทำอะไรไม่ได้ ....แล้วยังจะมีแบงก์เจ๊งเกิดขึ้นให้เห็นอีกเป็นรอบที่ 2-3-4 ....ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วยนะ
Fed อาจจะยกเลิกเรื่องเป้าเงินเฟ้อ 2% เพื่อไม่ให้เกิดเศรษฐกิจถดถอย เพราะตอนนี้มันเกิดอยู่แล้ว
ปัญหาคือ เงินเฟ้อทำให้เกิดเศรษฐกิจถดถอย มันทำให้อำนาจซื้อของดอลลาร์ลดลง ทำให้การใช้จ่ายลดลง จะต้องมีการกระตุ้นการใช้จ่าย .....มันยังทำให้การคาดการวางแผนสำหรับอนาคตเป็นไปไม่ได้เลย เพราะไม่รู้ว่าอำนาจซื้อของเงินดอลลาร์ที่เก็บเอาไว้จะเหลือเท่าไหร่กันแน่
แต่แปลกที่เงินเฟ้อกลับเป็นยาวิเศษที่ Fed เอามาใช้แก้ไขเวลาที่เกืดปัญหาเศรษฐกิจแทบทุกอย่าง ....จนผู้คนคุ้นชินกับมันมานานแล้วว่า..ปีหน้าราคาสินค้าต้องสูงกว่าปีนี้แน่
หลายคนจึงคิดจะเก็บเงินของตนไว้ในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงน้อยที่จะด้อยค่าลง คนเชื่อกันว่าการซื้อทองคำและบิทคอยน์เป็นเพราะการเสื่อมค่าของเงินนั่นเอง
บิทคอยน์เติบโตไปพร้อมกับทองคำด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ มันได้ชื่อว่าเป็น digital gold ....แต่ มันก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
บิทคอยน์ราคาพุ่งขึ้นมาตั้งแต่ครึ่งปีแรกนี้ ตามหลังทองคำติด ๆ ...แต่มีความผันผวนมากกว่า
น่าจะดีกว่าถ้าจะแยกทองคำออกเป็นชั้นทรัพย์สินที่แยกต่างหากไปเลย ..มีอิสระในการให้ค่าทองคำต่างจากทรัพย์สินอื่น ๆ ยกเว้นสิ่งที่รัฐบาลจะกำหนดขึ้นมา เช่นสกุลเงินที่จะใช้หมุนเวียน
แล้วภาพทัศน์ของมาตรฐานทองคำตอนนี้ ไปถึงไหนแล้ว?
เราเคยได้รู้มาแล้วถึงแนวความคิดของนักเศรษฐศาสตร์รุ่นใหม่ ในเรื่องของ Modern Monetary Theory (MMT) ที่จะเป็นการพิมพ์เงินแจกโดยรัฐบาล ...พิมพ์เงินแจกนี่ดูเหมือนจะเป็น solution ของการแก้ทุก ๆ ปัญหาเลยจริง ๆ
ส่วนเรื่องทองคำไม่เคยอยู่ในความคิดของพวกเขา
Gold Standard เป็นเรื่องที่ฟังดูอนุรักษ์นิยมมาก ๆ เป็นเรื่องที่พ้นสมัยไปนานแล้ว คนรุ่นใหม่บอกว่า มันโคตรวินเทจ
มาตรฐานทองคำเป็นประเด็นทางเศรษฐกิจที่ชวนให้ทะเลาะกันง่ายจริง ๆ ..ทองคำเป็นผู้ร้ายสำหรับคนที่ไม่มีเก็บไว้เลย แต่เป็นพระเอกของผู้ที่เก็บไว้เยอะ
Professor John Harvey แห่ง Texas Christian University บอกว่าสกุลเงินของชาติไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงกับสิ่งที่มีจำนวนจำกัด (finite) อย่างทองคำเสมอไปหรอก ..เพราะการจำกัด money supply เท่ากับเป็นการจำกัดการเติบโตทางเศรษฐกิจไปด้วย ....นี่เป็นความคิดของผู้สนับสนุนการพิมพ์เงินแจก แบบ MMT
มันก็จริงนะ ที่สกุลเงินไม่จำต้อง "อิงค่า" ของทองคำ เสมอไป ...แต่มันควรให้ทองคำเป็น "สกุลเงินของชาติ" ไปเลย ...การอิงค่าทำให้พิมพ์เงินเพิ่มมาได้ไม่จำกัด
แบบที่ปธน. นิกสันแยกมาตรฐานทองคำออกจากดอลลาร์ จนพิมพ์เงินมาใช้จ่ายได้สบายมือมานับสิบ ๆ ปีนั่นแหละ ....ถ้าเป็นทองคำจริง ๆ ก็ไม่อาจพิมพ์ได้เลย
Professor Harvey พูดต่อไปว่า มาตรฐานทองคำจำกัดการเติบโต ...ปี 1971 นิกสันอธิบายว่า เขาเพียงแต่ทำให้ดอลลาร์มีความเสถียร คนอเมริกันสามารถซื้อสินค้าที่ผลิตในอเมริกาได้ในราคาเดิม ๆ ..ค่าดอลลาร์ยังเท่าเดิมในอเมริกา ถึงแม้ว่าสินค้านำเข้าจากต่างประเทศจะมีราคาสูงขึ้นก็ตาม ...(แต่ท่าน ปธน. ไม่ได้บอกว่า สินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศน่ะ พิมพ์เงินไปซื้อมาได้ฟรี ๆ นะ ....ตาสา)
ตั้งแต่วันนั้นเมื่อปี 1971 ถึงวันนี้ อำนาจซื้อของดอลลาร์ หายไป 98.5% แล้วนะ
อย่างที่เขียนไว้ข้างต้นนั่นแหละ Fed แก้ได้ทุกปัญหาจริง ๆ ด้วยนโยบายเงินเฟ้อ
ตั้งแต่ปี 1971 ถึงตอนนี้ ถึงแม้จะมีการตั้งเป้าเงินเฟ้อที่ 2% ต่อปี แต่ CPI เฉลี่ยอยู่ที่ 4% ...แก้ปัญหามา 50 ปีแล้ว ยังไม่สำเร็จเลย
แล้วเรื่องที่ว่ามาตรฐานทองคำทำให้จำกัดการเติบโตหรือ?
ลองดูซิว่าเศรษฐกิจของสหรัฐในช่วง 50 ปีก่อนยุคนิกสัน กับ 50 ปีหลังยุคนิกสัน ...ช่วงไหนเติบโตได้มากกว่า?
แต่มันก็ตอบยากอยู่เหมือนกัน เพราะรายงานการเติบโตช่วงหลายสิบปีหลัง ๆ มานี้ ...ใช้การบาล้านซ์ด้วยหนี้จำนวนมากถึง $35 trillion ....เป็นการเติบโตที่ต้องใช้คืนในสเกลที่เหลือเชื่อเกินจินตนาการ
มาตรฐานทองคำอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่มันก็ใช้ได้ผลมาแล้ว ได้ผลนานเกินกว่า 50 ปีแน่นอน
currencies มาแล้วก็จากไป หลายร้อยปีมานี้ มีสกุลเงินเกิดขึ้นและดับไปมากกว่า 700 สกุลแล้ว ....แค่ยี่สิบกว่าปีมานี่ อาร์เจนติน่าประเทศเดียว ก็มีสกุลเงินเกิดขึ้นมาหกสกุลแล้ว
Empires rise and fall
จักรวรรดิ์เกิดขึ้นมาและก็ดับไป
ทองคำอยู่มาได้ตลอดทุกยุค นั่นทำให้มันเหมาะกับรัฐบาลใดก็ตามสามารถวางแผนใช้มันกับเศรษฐกิจของประเทศ ...และเป็นประโยชน์กับการเลือกตั้งของตนครั้งต่อไป
แล้วการ "ปรับมูลค่าทองคำ" (gold revaluation) จะดีได้ยังไง ถ้าคุณไม่มีทองคำเลย?
พอได้ยินเรื่องการปรับมูลค่าทองคำ เราก็มักคิดว่าเป็นเรื่องดี ....แต่รัฐบาลสามารถใช้ทองคำหักหลังเรา โดยทำให้เราสับสนกับคำว่า revaluation
มาดูเรื่องของ Gold Certificate Account (GCA) ...ทุนสำรองเงินตรา
Here's how it works:
-- ราคาทองคำในรีเสิร์ฟของสหรัฐ ยังคงอยู่ที่ ออนซ์ละ $42.22 (ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 1971) ....โดยมีจำนวนรวม 8,133 ตัน (261 ล้านออนซ์)
-- “Gold revaluation“ หมายถึงการปรับมูลค่าทางบัญชีที่เป็นทางการของทองคำรีเสิร์ฟที่มี ให้เป็นค่าปัจจุบัน คือเพิ่มไป 58 เท่า ($2,500)
-- ค่าตัวของรัฐบาลเพิ่มขึ้นทันที (ทางบัญชี)
GCA ทุนสำรองเงินตรา ทำให้รัฐบาลสหรัฐพิมพ์เงินได้จากกลางอากาศได้ตามต้องการ โดยใช้ทองคำเป็นข้ออ้าง ถ้าต้องการเพิ่มอีก ก็ทำอย่างที่ ปธน.รูสเวลท์เคยทำเมื่อปี 1934 คือปรับมูลค่าทองคำจากออนซ์ละ $20.67 เป็นออนซ์ละ $35 ....ง่าย ๆ แค่นั้น
นี่เป็นการด้อยค่า gold standard คนทั่วไปก็คิดว่า ปี 1934 คงเป็นปีที่ดีของการผลิตทองคำมั้ง ....ที่จริงนี่คือจุดเริ่มที่ทำให้ค่าของเงินดอลลาร์เดินหน้าไปสู่ zero
ทีนี้ถ้าสมมติว่า ราคาทองคำขึ้นไปเป็น $20,000 ต่อออนซ์ เราก็จะคิดว่าในที่สุดเราก็ได้เห็นมูลค่าแท้จริงของทองคำ แต่ที่จริง เรากำลังจะเห็นสหรัฐกำลังจะใช้บัญชี GCA มาพิมพ์เงินเพิ่มอีกนับหลาย ๆ trillion ต่างหาก ....นี่คือการอ้าง gold revaluation จากทองคำที่มีในคลัง
นั่นจะทำให้เกิดเงินเฟ้อครั้งใหญ่ แต่รัฐบาลสหรัฐต้องการใช้มันชำระหนี้ที่มี .....คนทั่วไปก็จะโทษว่าเป็นเพราะทองคำที่ทำให้เกิด hyperinflation แทนที่จะโทษกระทรวงการคลังสหรัฐ
อย่าแปลกใจถ้ามีการเกิด hyperinflation ที่จะนำไปสู่ราคาทองคำที่ $20,000 ได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ ....นั่นเป็นเพราะรัฐบาลกำลังจะปรับค่ารีเสิร์ฟทองคำน่ะ
ผู้ที่ถือครองทองคำอยู่เท่านั้น ที่จะเข้าใจดีว่านั่นเป็นทางเลือกเดียวที่จะหนีห่างจากความบ้าคลั่งนี้ได้ ...ดีที่สุดคือผู้ที่ถือครองไว้มากที่สุด
แล้วคุณ ๆ ล่ะ......
IMCT News
ที่มา https://www.facebook.com/profile.php?id=100063620406722