Thailand
ขอบคุณภาพจาก RT
26/10/2024
บรรดาผู้ถือหุ้นบริษัทไมโครซอฟท์ เผชิญการตัดสินใจครั้งสำคัญ ในเรื่องแผนลงทุนบิทคอยน์เดือนธันวาคมนี้ ทางคณะกรรมการบริษัทไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของศูนย์วิจัยนโยบายสาธารณะแห่งชาติ หรือ NCPPR ที่บอกว่า บิทคอยน์รับมือได้ดีกับภาวะเงินเฟ้อ และพวกเขาแนะนำหลายบริษัทให้เอาสินทรัพย์อย่างน้อย 1% ไปลงกับสกุลเงินคริปโต
บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ไมโครซอฟท์ ตอนนี้ แสดงความสนใจที่จะใช้บิทคอยน์เป็นตัวกระจายการลงทุน และการโหวตของบริษัทในประเด็นนี้ จะมีขึ้นในช่วงที่อีกหลายบริษัทต่างพากันหาหนทางใหม่ๆ เพื่อปกป้องสินทรัพย์ของพวกเขา
NCPPR ชี้ไปที่ผลตอบแทนดีเยี่ยมของบิทคอยน์ ซึ่งมีราคาพุ่งขึ้น ถึง 99.7% ภายในหนึ่งปี ดีกว่าผลตอบแทนจากหุ้นกู้ถึง 94% พวกเขายังชี้ไปที่คู่แข่งของไมโครซอฟท์ คือ MicroStrategy ที่หุ้นเติบโตกว่าหุ้นไมโครซอฟท์ ถึง 313% ผ่านการเข้าถือครองบิทคอยน์
ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์ถือครองสินทรัพย์มากถึง 484,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 16 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่เอาไปลงทุนหลักทรัพย์ของรัฐบาลและหุ้นกู้ ซึ่งแทบจะต้านทานเงินเฟ้อไม่ได้เลย ไมโครซอฟท์จึงได้รับข้อเสนอแนะนำว่า การลงทุนในแบบดั้งเดิมเช่นนี้ ควรได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัย
แต่คณะกรรมการบริษัทมองว่า ไมโครซอฟท์มีกระบวนการที่เหมาะสมและแข็งแกร่งอยู่แล้ว ในการจัดการและกระจายการลงทุนสินทรัพย์ของบริษัท ให้ได้ประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว การให้คนนอกเข้ามาประเมินนโยบายการลงทุนของบริษัทจึงถือว่า ไม่สมควร
คณะกรรมการบริษัทยังระบุว่า พวกเขาจับตาบิทคอยน์มาก่อนหน้านี้ และวิตกในราคาที่ผันผวน ว่าอาจกระทบกับการทำงานรายวันของบริษัทและความจำเป็นต้องใช้เงินสด ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์มีการลงทุนโดยพุ่งเป้าไปยังผลตอบแทนที่คาดเดาได้และมีความมั่นคงเป็นสำคัญ
มีสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่มากยิ่งขึ้น ที่หันไปลงทุนในคริปโต แบล็กร็อกยังเสนอ กองทุนบิทคอยน์ ETFs ในขณะที่ NCPPR ก็เชื่อว่า บิทคอยน์คือยอดเยี่ยม ถึงแม้จะไม่ที่สุด แต่ก็ช่วยป้องกันเงินเฟ้อได้ พวกเขาเน้นว่า บิทคอยน์จะให้ผลตอบแทนแซงหน้าหุ้นกู้ภายใน 5 ปี โดยมีการเติบโตขึ้น 414% และภาคการเงินในแบบดั้งเดิม ก็ให้การยอมรับสกุลเงินคริปโตมากขึ้น
ในวันที่ 10 ธันวาคม 2024 จะมีการโหวตในที่ประชุมประจำปีของบริษัท ซึ่งอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวทางการลงทุนของไมโครซอฟท์ไปเลยก็ได้ แต่ทางคณะกรรมการบริษัทกลับชื่นชอบกลยุทธ์การลงทุนในปัจจุบัน เพราะเห็นว่า ดีอยู่แล้ว แต่ทาง NCPPR ระบุว่า หลายบริษัทต้องมองหาช่องทางการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าตราสารหนี้ คาดว่า ผลการโหวตของไมโครซอฟท์ อาจเป็นตัวอย่างในการตัดสินใจของบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆ ว่าจะปรับแผนการลงทุนหรือไม่
By IMCT News
© Copyright 2020, All Rights Reserved