Thailand
23/4/2024
แนวโน้มค่าเงินบาทยังคงผันผวน IMCT ทดลองใช้ gimini google.com ประมวลสถิติค่าเงินบาทในรอบ 2 ปี รวมถึงปี 2567 และนโยบายแบงก์ชาติในการรักษาเสถียรภาพเงินบาท พบข้อมูลที่น่าสนใจ ขณะที่ล่าสุด“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ชี้เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องรอบ 6 เดือน ทะลุระดับ 37 บาทต่อดอลลาร์ มาที่ 37.03 บาทต่อดอลลาร์ และอ่อนค่ามากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาค
นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัยศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวานนี้ (2 เม.ย.) เงินบาทอ่อนค่าผ่านแนว 37.00 ไปแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 6 เดือนที่ 37.03 บาทต่อดอลลาร์ (อ่อนค่าสุดนับตั้งแต่ 10 ต.ค. 2566) เทียบกับระดับปิดตลาดปลายสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 36.86 บาทต่อดอลลาร์
โดยเงินบาทอ่อนค่าลงตามการร่วงลงอย่างหนักของราคาทองคำในตลาดโลก ตลอดจนการอ่อนค่าของเงินเยนและเงินหยวน ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าเฟดอาจไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบการประชุมใกล้ๆ นี้
สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 372 ล้านบาท แต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 396 ล้านบาท
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 36.80-37.20 บาทต่อดอลลาร์
โดยปัจจัยที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สถานการณ์ในตะวันออกกลาง ดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนเม.ย. ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ และสหรัฐฯ รวมถึงตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค. ของสหรัฐฯ
สำนักข่าว IMCTNEWS ได้ทดสอบรวบรวมข้อมูลสถิติค่าเงินบาทในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาโดยเครื่องมือAI ใน gimini google.com พบว่า
สถิติค่าเงินบาทในรอบ 2 ปี (23 เมษายน 2566)
ช่วงเวลา: 23 เมษายน 2564 - 23 เมษายน 2566
ข้อมูลสำคัญ:
* แข็งค่าสุด: 33.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (8 มีนาคม 2566)
* อ่อนค่าสุด: 38.31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (7 เมษายน 2565)
* ช่วงที่แข็งค่า: ต้นปี 2566 (เงินบาทแข็งค่าสูงสุดในภูมิภาคเมื่อเทียบกับดอลลาร์)
* ช่วงที่อ่อนค่า: ต้นปี 2565 (อ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 16 ปี)
ปัจจัยที่มีผลต่อค่าเงินบาท:
* เศรษฐกิจโลก: เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลต่อความต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐ
* นโยบายการเงิน: ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า
* เศรษฐกิจไทย: เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว ดึงดูดเงินทุนไหลเข้า
* การท่องเที่ยว: การท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว หนุนดุลบัญชีเดินสะพัด
และเมื่อรวบรวมแนวโน้มค่าเงินบาทในปี 2567 พบว่า
แนวโน้มค่าเงินบาทปี 2567
ภาพรวม:
* ผันผวน: คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทจะยังคงผันผวนต่อเนื่องในปี 2567
* ปัจจัยหลัก: ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย เงินทุนต่างชาติ
* แนวโน้ม:
* แข็งค่า:
* เฟดลดดอกเบี้ย
* เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว
* เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว
* เงินทุนไหลเข้าไทย
* อ่อนค่า:
* เฟดขึ้นดอกเบี้ย
* เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
* เศรษฐกิจไทยชะลอตัว
* เงินทุนไหลออกจากไทย
กรอบการคาดการณ์:
* ธนาคารกสิกรไทย: 34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (สิ้นปี 2567)
* กรุงเทพธุรกิจ: 32.25-36.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (ตลอดปี 2567)
* ศูนย์วิจัยกสิกรไทย: 32.75-36.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (ครึ่งปีแรก) , 32.25-34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (ครึ่งปีหลัง)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม:
* นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด):
* เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 2567 ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า กดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า
* เศรษฐกิจโลก:
* เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อการค้าโลก การส่งออก และค่าเงินบาท
* เศรษฐกิจไทย:
* เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว คาดว่าจะหนุนให้ค่าเงินบาทแข็งค่า
* การท่องเที่ยวฟื้นตัว หนุนดุลบัญชีเดินสะพัด ส่งผลดีต่อค่าเงินบาท
* เงินทุนต่างชาติ:
* เงินทุนไหลเข้าไทย หนุนให้ค่าเงินบาทแข็งค่า
* เงินทุนไหลออกจากไทย กดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า
gimini ยังประมวลผลนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับค่าเงินบาท ทั้งในอดีตและในปี 2567 ว่า
นโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับค่าเงินบาท
เป้าหมาย:
* รักษาเสถียรภาพด้านราคา: ควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
* สนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ: ส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
* รักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน: ป้องกันความผันผวนของค่าเงินบาท
กลไก:
* ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว: ธปท. ไม่ได้กำหนดค่าเงินบาทไว้ที่ค่าใดค่าหนึ่ง แต่จะดูแลให้ค่าเงินอยู่ในกรอบที่เหมาะสม
* การแทรกแซงตลาด: ธปท. ซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาท
* มาตรการควบคุมการไหลของเงินทุน: ธปท. ออกมาตรการเพื่อควบคุมการไหลเข้า-ออกของเงินทุนต่างประเทศ
* การสื่อสารนโยบาย: ธปท. แจ้งแนวทางและเป้าหมายนโยบายการเงินต่อสาธารณชน
เครื่องมือ:
* อัตราดอกเบี้ย: ธปท. ปรับอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
* การแทรกแซงตลาด: ธปท. ซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาท
* มาตรการสำรองเงินตราต่างประเทศ: ธปท. เก็บสำรองเงินตราต่างประเทศเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาท
* มาตรการกำกับดูแลสถาบันการเงิน: ธปท. กำกับดูแลสถาบันการเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน
ผลลัพธ์:
* ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพ: ค่าเงินบาทไม่ผันผวนมากนัก ส่งผลดีต่อการค้าและการลงทุน
* เงินเฟ้ออยู่ในระดับที่เหมาะสม: เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน
* ระบบการเงินมีเสถียรภาพ: ธุรกิจและประชาชนมีความมั่นใจในระบบเศรษฐกิจ
ความท้าทาย:
* สภาวะเศรษฐกิจโลก: เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาท
* นโยบายการเงินของประเทศอื่น: นโยบายการเงินของประเทศอื่น เช่น สหรัฐอเมริกา มีผลต่อค่าเงินบาท
* กระแสเงินทุน: การไหลเข้า-ออกของเงินทุนต่างประเทศ ส่งผลต่อค่าเงินบาท
ธปท. มุ่งมั่นที่จะดำเนินนโยบายการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาท สนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน
ณ วันที่ 23 เมษายน 2567 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังไม่ได้ประกาศนโยบายการเงิน specifically เกี่ยวกับค่าเงินบาทประจำปี 2567 อย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม ธปท. ได้มีการสื่อสารทิศทางนโยบายการเงินผ่านแถลงการณ์ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 1/2567 และ 2/2567 ดังนี้
กุมภาพันธ์ 2567:
* กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นไว้ที่ 0.25% ต่อปี
* เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงจากปัจจัยต่างประเทศและปัญหาเชิงโครงสร้าง
* อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มทยอยเพิ่มขึ้นเข้าสู่กรอบเป้าหมาย
* อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันยังสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมทั้งเอื้อต่อการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว
* เศรษฐกิจไทยยังมีความไม่แน่นอนสูงในระยะข้างหน้า
* กนง. จะติดตามพัฒนาการดังกล่าวและพิจารณานโยบายการเงินให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า
เมษายน 2567:
* กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นไว้ที่ 0.25% ต่อปี
* เศรษฐกิจไทยขยายตัวชะลอลงตามคาด แต่ยังมีแรงส่งจากการบริโภคในประเทศและภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว
* อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 3.8% สูงกว่ากรอบเป้าหมาย 1-3% เล็กน้อย
* อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันยังสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมทั้งเอื้อต่อการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว
* เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงด้านต่ำจากปัจจัยต่างประเทศและภายในประเทศ
* กนง. จะติดตามพัฒนาการเศรษฐกิจและเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะปรับใช้นโยบายการเงินตามเหมาะสม
แนวโน้ม:
จากแถลงการณ์ของ กนง. คาดว่า ธปท. จะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในปี พ.ศ. 2567 เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและรักษาเสถียรภาพด้านราคา
อย่างไรก็ตาม ธปท. อาจจําเป็นต้องปรับจุดยืนของนโยบายขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและแนวโน้มที่กําลังพัฒนา
ปัจจัยสำคัญที่ธปท. มีแนวโน้มที่จะพิจารณาร่วม คือ
* เศรษฐกิจโลก: เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและเงินเฟ้อ
* นโยบายการเงินของประเทศอื่น: นโยบายการเงินที่ตึงตัวของประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา อาจส่งผลต่อค่าเงินบาท
* เงินเฟ้อ: ธปท. จะต้องติดตามอัตราเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิดและทําให้แน่ใจว่ามันยังคงอยู่ในระดับเป้าหมาย
* เสถียรภาพของระบบการเงิน: ธปท. จะต้องรักษาเสถียรภาพทางการเงินและป้องกันความผันผวนที่มากเกินไปในตลาดการเงิน
หมายเหตุ:
* ข้อมูลนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์และคาดการณ์
* นโยบายการเงินของธปท. อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่แท้จริง
* ควรติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดจากธปท. และแหล่งข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง
IMCT News
ที่มา : gimini google.com
© Copyright 2020, All Rights Reserved