Thailand
ขอบคุณภาพจาก RT
4/7/2024
คนเวียดนามและคนไทย ยังคงเร่งรีบไปซื้อทอง นักวิเคราะห์พากันมองว่า เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า คนเอเชียยังคงตื่นตระหนกในสกุลเงินของตนเองที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ , เงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์
ผู้คนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แห่ไปซื้อทองมานานหลายเดือนแล้ว ผู้เชี่ยวชาญตลาดเงินและสินค้าโภคภัณฑ์ในสิงคโปร์ เห็นว่า พวกเขาซื้อทองเพราะต้องการปกป้องความมั่งคั่งของตนเอง เนื่องจากสกุลเงินท้องถิ่นกำลังเสื่อมมูลค่าลง ถ้าเราไม่ได้มีเงินทองมากมายอะไร และสินค้าทุกอย่างที่ซื้อและขายเมื่อแปลงออกมาเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่สกุลเงินท้องถิ่นก็อ่อนค่าลง ปัญหาเงินเฟ้อที่ก็ทำให้ข้าวของแพงอยู่แล้ว บวกกับสกุลเงินตัวเองอ่อนค่าลง เท่ากับถูกเล่นงานสองเด้ง
ผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่ซื้อทอง ดันให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นในช่วง 6 ถึง 12 เดือนที่ผ่านมา จากการเปิดเผยของผู้อำนวยการบริหารบริษัทที่ปรึกษา Airguide International
ราคาทองคำทะยานทำสถิติใหม่ในปีนี้ ( 2024 ) เป็นราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 2,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในเดือนพฤษภาคม
ส่วนที่ประเทศจีนก็เช่นกัน ความเชื่อมั่นลดน้อยลงในภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงตลาดหุ้น ก็ส่งผลให้นักลงทุนหันมาไล่ล่าทองคำเพื่อเป็นที่พักเงิน
ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ ความไร้เสถียรภาพในภูมิรัฐศาสตร์ และสกุลเงินเสื่อมค่า ล้วนเป็นปัจจัยให้พุ่งหาทองคำ ซึ่งถือเป็นแหล่งพักการลงทุนที่ปลอดภัย
การอ่อนค่าของสกุลเงินท้องถิ่น กระทบนักลงทุนรายย่อยหนักที่สุด เพราะเท่ากับกัดกินเงินออมของพวกเขา บวกต้นทุนที่แทรกเข้ามาอยู่แล้วจากเงินเฟ้อ
ผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แห่ซื้อทองจากความเชื่อยาวนานว่า ทองคำคือสิ่งที่ไว้ใจได้ และยังรักษามูลค่าไว้ได้ในระยะยาว เมื่อเทียบกับสินทรัพย์อย่างอื่น จากการเปิดเผยของหัวหน้าฝ่ายธนาคารกลางและเอเชียแปซิฟิก ของสภาทองคำโลก ซึ่งไม่เพียงแต่นักลงทุนที่แห่ซื้อทอง ธนาคารกลางเองก็แห่ตุนทองเช่นกัน
ธนาคารกลางกว่า 80% คาดว่า ผู้จัดการทุนสำรองของพวกเขาจะเพิ่มการถือครองทองคำในอีก 12 เดือนข้างหน้า จากผลสำรวจที่ตีพิมพ์โดยสภาทองคำโลกเมื่อกลางเดือนมิถุนายน การตุนทองคำก็เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และความไม่แน่นอนในเชิงเศรษฐศาสตร์มหภาค
อัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่พุ่งสูง จะกดราคาทองคำเอาไว้ แต่ทองคำก็ยังคงมูลค่าแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน เพราะนักลงทุนวิตกมากขึ้น ในปัญหาเงินเฟ้อโลก ความผันผวนทางเศรษฐกิจ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ มากกว่าที่จะใส่ใจอัตราดอกเบี้ยสหรัฐพุ่งสูงเสียอีก จากการเปิดเผยของนักวิชาการนโยบายจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์
ตามปกติ เวียดนามกับไทยเป็นผู้ซื้อทองรายใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะที่จีนกับอินเดียเป็นผู้ครองตลาดในระดับภูมิภาค อย่างที่เวียดนาม คนรีบแห่ไปซื้อตามธนาคารของรัฐเมื่อเดือนมิถุนายน หลังธนาคารกลางตกลงที่จะขายทองให้มากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่มีเข้ามามากและดันราคาให้ร่วงลง
แต่เนื่องจากทองที่เตรียมไว้พร่องลงอย่างรวดเร็ว บีบให้ธนาคารต้องจำกัดการซื้อแค่คนละ 1 ตำลึง คนแห่เข้าคิวต่อเนื่องไปหลายสัปดาห์ จนธนาคารต้องใช้วิธีขึ้นทะเบียนออนไลน์ ในการซื้อทอง ซึ่งก็เต็มภายในเวลาไม่กี่นาที ในแต่ละวัน
แม้ราคาทองคำค่อนข้างนิ่งในช่วงนี้ แต่คนเวียดนามก็ยังแห่ซื้อ เพราะวิตกเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ร่วงลง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซา และเงินด่องที่อ่อนค่า เดิมที ธนาคารพาณิชย์ในเวียดนามจะขายทองได้สองตันต่อเดือน แต่งวดนี้ แค่สัปดาห์เดียวก็ขายได้สองตันแล้ว
เงินด่องเวียดนามอ่อนค่าไปแล้ว 10% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ นับจากสิ้นสุดโรคระบาดในปี 2022 เงินด่องยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง ส่วนเงินเฟ้อเวียดนามพุ่งแตะ 4.44% ในเดือนพฤษภาคม สูงสุดนับจากต้นปี 2023
ส่วนที่ประเทศไทย หลังจากอิหร่านใช้ขีปนาวุธยิงโจมตีอิสราเอลเมื่อเดือนเมษายน คนไทยก็แห่เข้าคิวซื้อทองทันที เพราะหวั่นเกรงข่าวสถานการณ์โลก อีกทั้งตลาดหุ้นไทยก็ซบเซา นักลงทุนไทยจึงแห่พักเงินที่ทอง เงินบาทไทยอ่อนค่าประมาณ 10% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ นับจากปี 2022 เงินเฟ้ออยู่ที่ 1.54% เมื่อเดือนพฤษภาคม สูงสุดนับจากเมษายนปีก่อน ส่วนที่ประเทศจีน คนก็แห่ซื้อทองเช่นกัน สวนทางกับที่สิงคโปร์ ซึ่งสกุลเงินและเศรษฐกิจยังมั่นคงดี จึงไม่ค่อยมีใครซื้อทองเก็บไว้
By IMCT News
© Copyright 2020, All Rights Reserved