28/4/2024

วาทกรรมของวอชิงตันเกี่ยวกับการเคารพหลักการจีนเดียวที่ลบล้างแนวคิดเอกราชของไต้หวัน มักทำลายโดยอารมณ์ความรู้สึกต่อต้านจีนที่เปล่งออกมาโดยระดับผู้นำทางการเมืองของสหรัฐฯ แพคเกจความช่วยเหลือมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สำหรับไต้หวัน และความพยายามทางทหารที่ทำลายเสถียรภาพความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ (NYT) รายงาน โดยอ้างนักยุทธศาสตร์ทางทหารของจีนที่ไม่เปิดเผยนาม สหรัฐฯกำลังสร้างฐานทัพทหารใกล้จีนเพื่อบีบขีดความสามารถทางเรือของจีนในการเดินทางออกไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก หากความขัดแย้งในภูมิภาคเกิดขึ้น

“ความพยายามของสหรัฐฯ มุ่งเป้าไปที่สกัดกองทัพเรือของจีนให้อยู่แนวหลังของ“หมู่เกาะแรก” ซึ่งเป็นเกาะต่างๆ ที่อยู่ใกล้กับแผ่นดินใหญ่ของเอเชีย ที่ทอดยาวจากโอกินาวาในญี่ปุ่น ไต้หวัน ไปจนถึงฟิลิปปินส์” รายงานระบุ

ข้อตกลงทางทหารระหว่างสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์มีบทบาทเฉพาะสำหรับแผนดังกล่าว ทำให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งสามารถเข้าถึงสนามบินและฐานทัพเรือหลายแห่งในฟิลิปปินส์ได้ มีความต้องการน้อยลง “สำหรับเรือบรรทุกเครื่องบินที่อาจตกเป็นเป้าหมายของขีปนาวุธพิสัยไกลและเรือดำน้ำของจีนในช่วงเวลาแห่งสงคราม”

รายงานอ้างว่ากองทัพของญี่ปุ่นจะได้รับขีปนาวุธร่อนโทมาฮอว์กประมาณ 400 ลูก โดยมีโมเดลที่ทันสมัยที่สุดที่สามารถโจมตีเรือและเป้าหมายภาคพื้นดินที่อยู่ห่างออกไปกว่า 1,150 ไมล์ (1,850 กม.)

กองทัพเรือสหรัฐฯ ยังได้ส่งกองทหารนาวิกโยธินชุดใหม่ในโอกินาวา ซึ่ง“มีบทบาทในการต่อสู้จากเกาะเล็กๆ และทำลายเรือในทะเล”

ความคิดริเริ่มทางทหารของฝ่ายบริหารของไบเดนกำลังเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ โดยบางคนแย้งว่าประเทศควรรักษาขีดความสามารถหลักไว้สำหรับความต้องการภายในประเทศ

ในทำนองเดียวกัน นักวิจารณ์โต้แย้งว่าการถ่ายโอนกองกำลังหลักดังกล่าวไปต่างประเทศเป็นอุปสรรคต่อการผลิตของประเทศ เนื่องจากสหรัฐฯ “ไม่ได้ผลิตเรือและระบบอาวุธใหม่เร็วพอที่จะสกัดจีน ซึ่งกำลังเพิ่มจำนวนกองทัพอย่างรวดเร็ว”

ผู้บัญชาการกองบัญชาการภาคพื้นอินโดแปซิฟิกของสหรัฐฯ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความสมดุลของกองกำลังระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยตั้งข้อสังเกตว่าสหรัฐฯ ล้าหลังจีนในด้านการผลิตทางทหาร

“แต่วิถีของเราก็ยังไม่ใช่วิถีที่เทียบได้กับศัตรูของเรา ศัตรูของเรากำลังสร้างขีดความสามารถมากขึ้นและพวกเขากำลังสร้างเรือรบมากกว่าเราเป็นรายปี” พลเรือเอก ซามูเอล เจ. ปาปาโร จูเนียร์ กล่าวกับ The New York Times

IMCT News

ที่มา Sputnik