Thailand
ขอบคุณภาพจาก RT
17/4/2024
สำนักข่าว Sputnik รายงานโดยอ้างความเห็นผู้เชี่ยวชาญด้านด้านพลังงานระดับโลกว่า ราคาน้ำมันอาจพุ่งสูงกว่า 100 ดอลลาร์ หากอิหร่านถูกโจมตีหรือได้รับความเสียหายจากการคว่ำบาตร“ผลกระทบของการโจมตี ไม่ได้ส่งผลต่อราคาน้ำมันในอิหร่านที่ชัดเจนนัก ด้วยเหตุผลง่ายๆ ที่ว่า การขนส่งน้ำมันจากภูมิภาคอ่าวอาหรับไม่ได้ถูกรบกวน” ดร. Mamdouh G. Salameh นักเศรษฐศาสตร์น้ำมันระหว่างประเทศและผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานระดับโลกอธิบายต่อ สปุตนิก
“ แต่สิ่งนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ หากอิสราเอลตอบโต้กลับ จนเป็นปัจจัยกระตุ้นให้อิหร่านตอบโต้ด้วยการตอบโต้ที่รุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การหยุดชะงักในการขนส่งน้ำมันผ่านช่องแคบฮอร์มุซ”
ในกรณีที่มีการยกระดับขึ้นอีกในการตอบโต้กันระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน น้ำมันดิบเบรนท์อาจพุ่งสูงกว่า 100 ดอลลาร์และแตะ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามที่ผู้เชี่ยวชาญระบุ
ฝ่ายบริหารของสหรัฐอาจไม่สนใจความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจจบลงด้วยการปิดล้อมช่องแคบฮอร์มุซ และราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2024 หลังจากนั้น สหรัฐก็จะเตรียมพิจารณาคว่ำบาตรการผลิตน้ำมันและการส่งออกปิโตรเลียมของอิหร่านแทน
แต่การควบคุมการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน อาจส่งผลย้อนกลับต่อสหรัฐ เพราะถ้าการป้อนน้ำมันจากอิหร่านสู่ตลาดโลกถูกขัดขวาง ก็ไม่มีผู้ผลิตรายอื่นมาเติมเต็มช่องว่างได้ทันที
เมื่อไม่นานมานี้ กลุ่ม OPEC+ นำโดยซาอุดิอาระเบียกับรัสเซีย ยังตกลงขยายเวลาลดการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจไปจนถึงไตรมาสสอง หลังเคยประกาศลดการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจรวม 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเดือนพฤศจิกายน และถ้าสหรัฐออกโรงคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันอิหร่าน บวกกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนทำให้ความต้องใช้พลังงานมีสูงขึ้น ก็เท่ากับว่า ผลผลิตน้ำมันในตลาดโลกจะมีน้อยลง ดันให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นทันที
ด้วยเหตุนี้ สหรัฐจึงยังไม่น่าจะดำเนินการอย่างมีนัยสำคัญต่ออิหร่าน จากการเปิดเผยของ Michael Rothman ประธานและผู้ก่อตั้ง Cornerstone Analytics ซึ่งเป็นที่ปรึกษาในสหรัฐฯ ที่มุ่งเน้นการวิจัยพลังงานมหภาค
By IMCTNews
อ้างอิงจาก Sputnik
© Copyright 2020, All Rights Reserved