ขอบคุณภาพจาก The Japan Times
19/10/2024
เคิร์ต แคมป์เบลล์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าสหรัฐฯ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ตกลงจะประสานงานเพื่อตอบโต้การยั่วยุจากเกาหลีเหนือต่อเกาหลีใต้ที่เพิ่มสูงขึ้น จากการประเมินสถานการณ์ปัจจุบันบนคาบสมุทรเกาหลีร่วมกัน พร้อมระบุว่า คิม ฮงกยุน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ คนที่หนึ่ง และมาซาทากะ โอคาโนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น “สามารถดำเนินการตรวจสอบสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีอย่างลึกซึ้งและต่อเนื่อง” ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศไตรภาคีที่กรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้
การประชุมดังกล่าวมีขึ้นหลังเกาหลีเหนือระเบิดถนนสายคยองกีและดงแฮ ซึ่งเป็นเส้นทางถนนและทางรถไฟสายสำคัญระหว่างสองเกาหลีในภูมิภาคตะวันออกและตะวันตก ห่างจากเส้นแบ่งเขตทหาร 10 เมตร โดยเปียงยางยังคงกล่าวหาว่า กองทัพเกาหลีใต้ส่งโดรนเข้าไปในน่านฟ้าถึงสามครั้ง ช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา (2024) ในเวลากลางคืน รวมถึงขู่ว่าจะใช้ปฏิบัติการทางทหารเพื่อตอบโต้เกาหลีใต้ด้วย
“ผมยินดีที่จะรายงานว่า ทั้งสามประเทศของเรามีความเห็นตรงกันว่าเราเห็นสถานการณ์อย่างไรและเราเสนอที่จะดำเนินการอย่างไรต่อไป” แคมป์เบลล์กล่าวในการแถลงข่าวหลังการประชุมสามฝ่ายที่อาคารกระทรวงการต่างประเทศในกรุงโซล “ผมต้องการเน้นย้ำว่า เราวิตกกังวลกับมาตรการยั่วยุที่เกาหลีเหนือดำเนินการในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมขีปนาวุธ การยั่วยุด้วยนิวเคลียร์ และกิจกรรมที่เพิ่มมากขึ้นกับรัสเซียในยูเครน แต่ในขณะเดียวกัน เราต้องการยกย่องสาธารณรัฐเกาหลีสำหรับแนวทางที่มั่นคง รอบคอบ มีสติสัมปชัญญะ และเป็นผู้นำประเทศในการรับมือกับการยั่วยุของเกาหลีเหนือซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
ด้านโอคาโนะกล่าวว่า “เราแลกเปลี่ยนมุมมองอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดของเกาหลีเหนือและตกลงที่จะตอบโต้ในลักษณะประสานงานกันระหว่างทั้งสามประเทศ”
ขณะที่คิมกล่าวว่า เขา แคมป์เบลล์ และโอคาโนะ “ประณามอย่างรุนแรงต่อการคุกคามขีปนาวุธนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่องของเกาหลีเหนือ การกระทำโดยเจตนาเพื่อเพิ่มความตึงเครียด รวมถึงการตัดเส้นทางบกระหว่างเกาหลีทั้งหมด การปิดล้อมชายแดนทางใต้ และการอ้างว่าโดรนแทรกซึม”
“เราตกลงที่จะตอบโต้การยั่วยุใดๆ จากเกาหลีเหนืออย่างหนักแน่น ในขณะที่ยังคงรักษาท่าทีด้านการป้องกันร่วมกันของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ไว้อย่างมั่นคง นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านความปลอดภัยภายใต้การประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างเกาหลีใต้ สหรัฐฯ และญี่ปุ่น”
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจากทั้ง 3 ประเทศ ยังแสดงความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับรายงานล่าสุดที่เกาหลีเหนือส่งทหารไปช่วยรัสเซียในการสู้รบกับยูเครน โดยคิมกล่าวว่าทั้งสามประเทศได้ “หารือกันอย่างเจาะลึก” เกี่ยวกับประเด็นยูเครน
“เรารู้ดีถึงรายงานเกี่ยวกับเกาหลีเหนือที่ส่งทหารไปรัสเซีย” คิมกล่าว พร้อมย้ำถึงคำเรียกร้องอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลเกาหลีใต้ที่นำโดยประธานาธิบดียุน ซอก ยอล ให้รัสเซียหยุดความร่วมมือทางทหารที่ผิดกฎหมายกับเกาหลีเหนือทันที
“หากรายงานเหล่านี้เป็นความจริง แสดงว่าเกาหลีเหนือไม่เพียงแต่ส่งกระสุนและขีปนาวุธให้รัสเซียเท่านั้น แต่ยังเข้าร่วมในสงครามโดยตรงด้วย ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก”
ส่วนแคมป์เบลล์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเพื่อยืนยันว่า กองกำลังเกาหลีเหนือได้ถูกส่งไปประจำการในสมรภูมิต่อต้านยูเครนหรือไม่
“ผมขอรายงานได้ว่าเราเห็นสัญญาณของการสนับสนุนวัสดุจากเกาหลีเหนือที่เพิ่มขึ้นแก่รัสเซีย ซึ่งกำลังส่งผลกระทบทั้งต่อกระสุนปืนใหญ่และขีปนาวุธในสมรภูมิ” แคมป์เบลล์กล่าว “มีรายงานเกี่ยวกับกิจกรรมเพิ่มเติม รวมทั้งบุคลากร ผมคิดว่าเรายังคงประเมินรายงานเหล่านั้นอยู่ เรากังวลเกี่ยวกับรายงานดังกล่าว และอย่างที่ผมพูดไป ผมคิดว่าเราเห็นพ้องกันว่าเราจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป”
อีกด้านหนึ่ง ในวิดีโอถึงสาธารณชนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (14 ต.ค.) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวหาเกาหลีเหนือว่า “มีส่วนเกี่ยวข้องในสงครามจริง”
IMCT News
ที่มา https://asianews.network/south-korea-us-japan-align-on-response-to-nk-escalating-provocations/