ขอบคุณภาพจาก Economica Vietnam
7/10/2024
รัฐบาลเวียดนามระบุเมื่อวันอาทิตย์ (6 ต.ค.) ว่าเศรษฐกิจของเวียดนามขยายตัว 7.4% ในไตรมาสที่ 3 จากปีก่อน (2023) ซึ่งเกินการเติบโต 6.93% ในไตรมาสก่อนหน้า หลังพายุไต้ฝุ่นยางิลูกที่เลวร้ายที่สุดที่พัดถล่มเวียดนามในรอบ 70 ปี จนทำให้ธุรกิจหลายแห่งต้องหยุดดำเนินการ
ข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี (GDP) ที่เผยแพร่โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม ถือเป็นการพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบไตรมาสนับตั้งแต่อัตรา 13.7% ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2022 ซึ่งดีดตัวกลับอย่างรวดเร็วจากการระบาดของโควิด-19 โดยการส่งออกเพิ่มขึ้น 15.8% นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว (2023) แม้ว่าพายุไต้ฝุ่นยางิจะส่งผลให้กิจกรรมโรงงานในเดือนกันยายนหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม
ตามข้อมูลของ S&P Global Market Intelligence พบว่าการคาดการณ์ล่วงหน้าก่อนการประกาศนั้นค่อนข้างต่ำ โดย Standard Chartered คาดการณ์การเติบโตในไตรมาสที่ 5.1%
ขณะเดียวกัน สำนักงานสถิติเปิดเผยว่าภาคเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุดจากพายุ โดยเติบโต 2.58% เมื่อเทียบกับ 3.34% ในไตรมาสก่อนหน้า
ด้าน Summer Le ชาวเวียดนามระบุว่า เธอไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากพายุ แต่เธอกล่าวว่าเธอ "ดิ้นรนเพื่อให้ร้านอาหารของเธอทนต่อสภาพอากาศ" ในทุกฤดูฝน หลังก่อตั้ง Nen ซึ่งเป็นร้านอาหารที่เน้นผลิตผลที่ยั่งยืนในเมืองชายหาดใจกลางเมืองดานัง
"ปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากเพราะเศรษฐกิจ" Le กล่าว
สำหรับพายุยางิที่พัดถล่มเวียดนามเมื่อวันที่ 7 กันยายน ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนและสร้างความเสียหายประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย "ผลกระทบจะปรากฏให้เห็นในรูปของการสูญเสียผลผลิตและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ได้รับความเสียหายจากการผลิต เกษตรกรรม และภาคบริการต่างๆ" UOB กล่าวในบันทึกการวิจัย แต่ "อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการหยุดชะงักชั่วคราวเหล่านี้ ปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวยังคงมั่นคง"
ด้านสำนักงานสถิติเวียดนามเผยว่าในระยะยาว GDP ของเวียดนามเพิ่มขึ้น 6.82% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี ซึ่งใกล้เคียงกับการเติบโตก่อนเกิดโควิด-19 ของเวียดนามที่ 7.3% แต่ Vinacapital มองว่าลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศอย่างสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังคงชะลอตัวลง ส่งผลให้คำสั่งซื้อในเวียดนามลดลง
Vinacapital ระบุในรายงานการวิจัยว่า “เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงน่าจะทำให้อุปสงค์ของผู้บริโภคสหรัฐฯ ต่อผลิตภัณฑ์ ‘Made in Vietnam’ เช่น แล็ปท็อป โทรศัพท์มือถือ และสินค้าอื่นๆ ลดลง” ซึ่ง “แรงกระตุ้นที่ GDP ของเวียดนามได้รับจากการเติบโตของการส่งออกในปัจจุบันน่าจะลดลงในปีหน้า และการเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ยืนยันถึงเรื่องนี้”
สำหรับภาคเทคโนโลยีที่เป็นแรงขับเคลื่อนระยะยาวของเศรษฐกิจเวียดนาม สำนักงานสถิติเวียดนามระบุว่าการส่งออกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น 20.6% ในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (2023) หลังเพิ่มสินค้าไฮเทคเข้าในห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่อุปกรณ์ชิป Besi ไปจนถึงกล้องสมาร์ทโฟน LG Electronics
“เวียดนามได้ดำเนินการตามคำขวัญที่ว่า ‘หากคุณต้องการไปเร็ว ให้ไปคนเดียว หากคุณต้องการไปไกล ให้ไปด้วยกัน’ โดยการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรด้านเซมิคอนดักเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก” เหงียน ชี ดุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุนกล่าว
IMCT News
ที่มา https://asia.nikkei.com/Economy/Vietnam-Q3-GDP-growth-rockets-7.4-highest-in-2-years