BRICS Kazan 2024 Update
24/10/2024
BRICS เป็นการถ่วงดุลกับระเบียบโลกที่ถูกครอบงำโดยตะวันตก
“จากมุมมองเชิงกลยุทธ์ BRICS ในคาซานจะถ่วงดุลกลุ่ม G7 ที่กำลังป่วย ในช่วงเวลาที่เราได้เห็นสมาชิกสำคัญหลายประเทศของกลุ่มเครือจักรภาพที่กำลังมีการประชุมกันทุกสองปีเลือกที่จะมาประชุมBRICS แทน ในขณะที่เมื่อสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปกำลังเร่ขาย ความกลัวในความไม่แน่นอนของสถาบันระดับชาติและนานาชาติของพวกเขาเอง” เปาโล ราฟโฟน ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยภูมิศาสตร์การเมืองของมูลนิธิ CIPI ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในบรัสเซลส์ กล่าวกับสปุตนิก
“การเข้าร่วมประชุมBRICSของเลขาธิการสหประชาชาติ กูเตอร์เรส เป็นการยืนยันความตั้งใจในเรื่องสันติภาพและความร่วมมือของพวกเขาภายในระบบพหุภาคี ผู้วิพากษ์วิจารณ์กลุ่ม BRICSรู้สึกงุนงงที่ไม่ได้ยินหรือข้อความที่ก่อความไม่สงบ” ราฟโฟนกล่าว
ต่อประเด็นของปฏิญญาเกี่ยวกับความจำเป็นในการปฏิรูปสถาบันการเงินของสหประชาชาติและเบรตตัน วูดส์ เพื่อให้ครอบคลุมมากขึ้น ผู้สังเกตการณ์ชี้ให้เห็นว่าในขณะที่ข้อเสนอดังกล่าวอยู่ภายใต้การถกเถียงกันมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 และไม่มีความคืบหน้า แต่ขณะนี้พลังรวมกันของเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ส่วนใหญ่ของโลกของกลุ่มประเทศ BRICSทำให้การปฏิรูปสภาบันการเงินระหว่างประเทศเป็นเรื่องเป็นไปได้
“คำประกาศนี้ระบุอย่างเงียบๆ แต่เฉียบขาดว่า แ้จะมีการต่อต้านจากมหาอำนาจ แต่เส้นทางสู่การเป็นตัวแทนและความรับผิดชอบที่สมดุลมากขึ้นในกิจการโลกเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้อีกต่อไป มันเป็นเพียงเรื่องของเวลา ไม่ใช่เรื่องของทิศทางและผลลัพธ์” ราฟโฟนกล่าว
“BRICS เน้นย้ำว่า 'ระบบ' ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของตัวมัน แต่เป็นเครื่องมือเท่านั้น ดังนั้น 'ระบบ' ควรให้บริการทุกคนบนโลกโดยไม่ขัดขวางความปรารถนาที่ชอบด้วยกฎหมายในการรักษาอัตลักษณ์ของพวกเขา ในแง่นี้ BRICS ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับสถาบันต่างๆ ในโลกในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ด้วยอุดมการณ์เสรีนิยมใหม่ที่ต้องการทำลายอัตลักษณ์ลงผ่านการแจกแจงประเภทพของคนเพื่อการตลาดออกเป็นลูกหนี้/เจ้าหนี้ ผู้บริโภค/ผู้ผลิต และแน่นอนว่า คนดี/คนเลว” ผู้สังเกตการณ์สรุป
ที่มา Sputnik
BRICS Kazan 2024 Update
24/10/2024
‘จุดเปลี่ยนของการเมืองระหว่างประเทศ’
“การประชุมสุดยอด BRICS ครั้งที่ 16 ถือเป็นจุดเปลี่ยนของการเมืองระหว่างประเทศ เนื่องจาก BRICS กำลังแสดงให้เห็นว่ามีวิธีการเจรจาร่วมกันในระบบระหว่างประเทศที่ไม่ต้องการอำนาจนำหรือใช้กำลัง” อนุราธะ เชนอย ศูนย์มหาวิทยาลัยชวาหระลาล เนห์รู ศาสตราจารย์พิเศษแห่งรัสเซียและเอเชียกลางศึกษาบอกกับสปุตนิก
เขาให้ความเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาของปฏิญญาคาซานและผลกระทบระดับโลกของปฏิญญาคาซานว่า “ปฏิญญาคาซานเป็นแผนที่นำทางสำหรับประเทศในกลุ่ม BRICS เนื่องจากเป็นการผสมผสานระหว่าง 'ผลประโยชน์ร่วมกัน' เข้ากับ 'ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์'” ดร. เชนอยกล่าว ว่าประเด็นนี้ตรงกันข้ามกับแนวทางข้อตกลงของประเทศตะวันตกโดยที่ “ผลประโยชน์” สงวนไว้สำหรับชาติตะวันตก ประเทศต่างๆ “และคำว่ายุทธศาสตร์หมายถึงคำขู่ของการคุกคามหรือการใช้กำลังที่เป็นไปได้”
ในการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบัน Bretton Woods (ที่ก่อตั้งขึ้นมาหลังสงครามโลกคร้ังที่สองเพื่อชูให้ดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักของโลกภายใต้ระบบมาตรฐานทองคำ และให้ประเทศต่างๆผูกค่าเงินของตนกับดอลล่าร์) ปฏิญญาคาซานเน้นย้ำถึงความพยายามของกลุ่มในการจัดตั้ง "สถาบัน Bretton Woods ในเวอร์ชันของตนเองในวิธีที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง" เชนอยกล่าว โดยชี้ไปที่การใช้ข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจของ BRICS สกุลเงินประจำชาติ ในทางการค้า ธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ ฯลฯ เพื่อจุดประสงค์นี้
“สิ่งนี้ตรงกันข้ามโดยตรงกับวิธีการทำงานของเบรตตัน วูดส์ (ซึ่ง) ล่วงล้ำ โดยที่มันควบคุมการควบคุมเศรษฐกิจ เป็นฝ่ายเดียว โดยที่ประเทศต่างๆ จะไม่มีเสียงหรือทางเลือกว่าเศรษฐกิจของพวกเขาจะเดินไปในทิศทางใด” ศาสตราจารย์กล่าว
ท้ายที่สุดแล้ว การประชุมสุดยอดในคาซานเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงระดับเปลือกโลกไปสู่ความสมดุลของอำนาจทั่วโลก เชนอยกล่าวว่า "เนื่องจากการผงาดและวาระร่วมกันของกลุ่ม BRICS แสดงให้เห็นถึงการกระจายตัวและการแบ่งอำนาจทั่วโลกอีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้จัดขึ้นโดยกลุ่มตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ ตอนนี้ ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่รวมกันของ BRICS ในแง่ของความเสมอภาคของอำนาจซื้อเท่าเทียม หรือเหนือกว่ากลุ่ม G-7ไปแล้ว สิ่งนี้ทำให้ประเทศเล็กๆ มีโอกาสใช้ประโยชน์ระหว่างประเทศต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความเป็นอิสระเชิงกลยุทธ์และมองหาทางเลือกต่างๆ BRICS เสนอการค้าขายในสกุลเงินท้องถิ่น ดังนั้นประเทศต่างๆ จะได้รับการคุ้มครองจากเงินดอลลาร์และหนี้ที่เกี่ยวข้องกับเงินดอลลาร์ ตลาดที่หลากหลายสำหรับผลิตผลและการผลิตของพวกเขาและอื่นๆ”
ที่มา Sputnik
BRICS Kazan 2024 Update
24/10/2024
ถ้อยแถลงสำคัญจาก 8 ผู้นำประเทศสมาชิก BRICS -BRICS Summit 2024 Kazan
มุ่งปฏิรูประบบการเงินโลก สร้างระเบียบโลกใหม่ที่เท่าเทียม ร่วมมือกันแก้ทุกปัญหาผลักดันประเทศสมาชิก
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน รัสเซีย : Russian President Vladimir Putin
"รัสเซียมุ่งเสริมสร้างสถานะและบทบาทของ BRICS ในเวทีโลก เรามุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค"
จะเป็นความผิดพลาดอย่างยิ่งหากเราเพิกเฉยต่อความสนใจที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนจากประเทศในโลกใต้และตะวันออกที่ต้องการเข้าร่วม BRICS สถานะและอิทธิพลของ BRICS บนเวทีโลกอยู่ในระดับสูง
"ประเทศสมาชิก BRICS มีศักยภาพมหาศาลในทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ ประชากร และการเมือง"
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (จีน):Chinese President Xi Jinping
"ในความเป็นจริงปัจจุบัน มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องปฏิรูปโครงสร้างการเงินระหว่างประเทศ และ BRICS ต้องมีบทบาทนำในการผลักดันระบบใหม่ที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศได้ดีขึ้น" พร้อมเน้นย้ำว่า "เราต้องสร้าง BRICS ที่สงบสุขและทำหน้าที่เป็นผู้ปกป้องความมั่นคงร่วมกัน"
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี (อินเดีย): Indian Prime Minister Narendra Modi
"BRICS ประสบความสำเร็จมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมมั่นใจว่าในอนาคตอันใกล้นี้ องค์กรนี้จะกลายเป็นเวทีความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับการรับมือกับความท้าทายระดับโลก" อินเดียมุ่งมั่นที่จะกระชับความร่วมมือกับพันธมิตร BRICS
ประธานาธิบดีลูลา ดา ซิลวา (บราซิล):Brazilian President Lula da Silva
"ระบบธนาคารใหม่ของ BRICS จะช่วยลดต้นทุนความสัมพันธ์ทางการค้าของเรา โดยไม่ได้มีเจตนาจะแทนที่ระบบระดับชาติที่มีอยู่" และเตือนว่า "ความขัดแย้งในยูเครนและตะวันออกกลางต้องไม่ลุกลามเป็นวิกฤตระดับโลก"
ประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเกียน (อิหร่าน):Iranian President Masoud Pezeshkian
"วอชิงตันกำลังจุดชนวนความขัดแย้งทั่วโลกในขณะที่ยุคของอำนาจขั้วเดียวที่นำโดยสหรัฐฯ กำลังจะสิ้นสุดลง" พร้อมเรียกร้องให้ "ขยายความพยายามในการลดการพึ่งพาดอลลาร์ในเศรษฐกิจโลก ผ่านตะกร้าสกุลเงิน BRICS และกลไกการชำระเงินใหม่"
ประธานาธิบดีซีริล รามาโฟซา (แอฟริกาใต้):South African President Cyril Ramaphosa
"เราต้องตระหนักถึงศักยภาพทั้งหมดของความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน ไม่ใช่เพียงบางกลุ่ม" และย้ำว่า "BRICS เป็นการรวมตัวที่ครอบคลุมซึ่งมีความสามารถในการเปลี่ยนเส้นทางของโลกใต้"
ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ ซีซี (อียิปต์):Egyptian President Abdel Fattah Sisi
"อียิปต์ยืนยันถึงความสำคัญของความร่วมมือในการชำระเงินด้วยสกุลเงินประจำชาติกับพันธมิตร BRICS" และชี้ว่า "วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทั่วโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าระบบระหว่างประเทศไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งทั่วโลกได้อย่างยุติธรรม"
นายกรัฐมนตรีอาบีย์ อาเหม็ด อาลี (เอธิโอเปีย):Ethiopian Prime Minister Abiy Ahmed Ali
"BRICS มอบโอกาสอันยิ่งใหญ่ผ่านเสียงส่วนรวม ประชากร และพลังทางเศรษฐกิจ ในการเป็นพลังเปลี่ยนแปลงสู่ระเบียบโลกที่เท่าเทียมกันมากขึ้น"
ที่มา Sputnik https://x.com/SputnikInt/status/1849096442016571756
BRICS Kazan 2024 Update
24/10/2024
BRICS ขยายตัวอาจทำให้การลงทุนน้ำมันเพิ่ม
ท่ามกลางการประชุม BRICS Summit ที่รัสเซียตลอด 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 22-24 ตุลาคม ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า การขยายตัวของกลุ่ม BRICS อาจส่งผลให้การลงทุนด้านน้ำมันในแหล่งน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น จากการที่การขยายกลุ่มประเทศ BRICS รวมถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิหร่าน และอาจรวมถึงซาอุดีอาระเบียด้วย ซึ่งจะทำให้เป้าหมายทางเศรษฐกิจของ BRICS ซึ่งควบคุมอุปทานน้ำมันดิบของโลกเกือบครึ่งหนึ่งสอดคล้องกับลูกค้าหลักในเอเชีย และนำไปสู่การลงทุนในแหล่งน้ำมันดิบเพิ่ม
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอิหร่านตกลงเข้าร่วมเป็นสมาชิก BRICS แล้ว โดยเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรที่ประกอบด้วยรัสเซีย จีน อินเดีย และบราซิล ขณะที่แอฟริกาใต้ระบุว่า ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดในโลก จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกด้วยเช่นกัน แม้ริยาดจะยังไม่ได้ยืนยันการเป็นสมาชิก
จิม เบิร์กฮาร์ด รองประธานฝ่ายตลาดน้ำมัน พลังงาน และการเคลื่อนที่ของ S&P Global Commodity Insights กล่าวว่า "BRICS เองจะไม่นำไปสู่ความร่วมมือด้านน้ำมันมากขึ้น นอกจากศักยภาพในการลงทุนในอุตสาหกรรมปลายน้ำที่เพิ่มขึ้น นี่เป็นอีกหนึ่งเวทีที่รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์สามารถพบปะและเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจได้"
ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอิหร่าน ผลิตน้ำมันดิบของโลก 17% ขณะที่รัสเซียและบราซิล ซึ่งเป็นสมาชิกปัจจุบันของกลุ่ม BRICS ก็เป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่เช่นกัน ประเทศในกลุ่มอ่าวอาหรับและสาธารณรัฐอิสลามเป็นซัพพลายเออร์หลักของน้ำมันดิบเกรดกลางที่โรงกลั่นในเอเชียนิยมใช้ อย่างไรก็ตาม ทั้งสามประเทศนี้ต่างก็มีส่วนแบ่งการตลาดที่ลดลงเนื่องจากกระแสน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งถูกกดดันอย่างหนักเนื่องจากกลไกการกำหนดราคา
“ตำแหน่งของจีนในฐานะผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้จีนมีเหตุผลที่ดีที่จะสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับริยาด เตหะราน และอาบูดาบี นอกเหนือไปจากมอสโกและบราซิเลีย” เควิน บุ๊ก กรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัยของ ClearView Energy Partners กล่าว
การที่ซาอุดีอาระเบียเข้าร่วมกลุ่ม จะทำให้ BRICS กลายเป็นศูนย์กลางของสินค้าโภคภัณฑ์ โดยข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ ระบุว่าสมาชิก BRICS จะควบคุมการผลิตน้ำมันของโลก 42% และการบริโภคน้ำมันทั้งหมด 35%
“ประเทศผู้ก่อตั้ง BRICS เช่น จีนและอินเดีย ต่างก็มีลำดับความสำคัญที่คล้ายคลึงกัน นั่นคือการไหลเวียนของสินค้าพลังงานควรดำเนินต่อไปโดยไม่มีการขัดขวาง” อมิต บันดารี นักวิจัยอาวุโสด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมจากสถาบันวิจัย Gateway House ซึ่งตั้งอยู่ในนครมุมไบของอินเดียกล่าว
รัสเซียดำรงตำแหน่งประธาน BRICS ในปีนี้ (2024) ขณะที่ผู้เข้าร่วมการประชุมครั้งล่าสุดของกลุ่มได้หารือถึงการเพิ่มการใช้สกุลเงินประจำชาติและเครื่องมือการชำระเงินในการค้าทวิภาคี ตามคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย
การพัฒนาทางเลือกอื่นสำหรับสถาบันเศรษฐกิจและการเมืองของตะวันตกเป็นส่วนสำคัญของนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียมาอย่างยาวนาน ซึ่งรัสเซียมองว่า เป็นหนทางที่จะปกป้องเศรษฐกิจจากการคว่ำบาตรที่บังคับใช้ตั้งแต่ปี 2014 จากกรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครน
นับตั้งแต่ปูตินขึ้นสู่อำนาจในปี 2000 รัสเซียมีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งองค์กรระหว่างประเทศใหม่หลายแห่ง รวมถึงฟอรัมประเทศผู้ส่งออกก๊าซ (GECF) และองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ในปี 2001 กลุ่มพันธมิตรการผลิตน้ำมันโอเปกพลัส ในปี 2016 และสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซียในปี 2015
การเป็นสมาชิกกลุ่ม G8 ของรัสเซียถูกระงับในปี 2014 จากกรณีการผนวกไครเมีย ทำให้การคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกที่บังคับใช้ตั้งแต่การรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบที่เริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ทำให้ทางเลือกอื่นๆ มีความสำคัญมากขึ้นสำหรับรัสเซีย เนื่องจากเห็นว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับตะวันตกลดลง
ขณะที่พันธมิตร BRICS ของรัสเซียเปิดใจยอมรับเป้าหมายของการแยกตัวจากเศรษฐกิจตะวันตก ในปี 2014 ประเทศ BRICS ได้จัดตั้งธนาคารพัฒนาแห่งใหม่เพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานและโครงการพัฒนาอย่างยั่งยืนในตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา
ความร่วมมือด้านพลังงานที่สำคัญที่สุดของรัสเซียกับสมาชิก BRICS ใหม่ คือข้อตกลงการผลิตน้ำมันดิบโอเปกพลัส ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ส่งผลให้ชาติตะวันตกเรียกร้องให้รัสเซียแยกตัวออกจากเศรษฐกิจโลก
อีกด้านหนึ่ง นักวิเคราะห์บางคนมองว่าความหลากหลายของเศรษฐกิจและลำดับความสำคัญของสมาชิก BRICS นั้น เป็นข้อจำกัดในการร่วมมือ
“สิ่งนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่าการประชุม BRICS จะเปิดพื้นที่สำหรับการผลักดันทางวาทศิลป์และโครงการนำร่องกลุ่มเล็ก ๆ ทวิภาคี รวมถึงการร่วมลงทุนในพื้นที่พลังงาน การทดลองการชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่น และบางทีอาจรวมถึงการขยายโครงการพัฒนาด้วย” Rachel Ziemba ผู้เชี่ยวชาญด้านความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมืองกล่าว ซึ่งรัสเซียมีแนวโน้มที่จะผลักดันให้ขยายกลุ่มนี้ต่อไปในระหว่างดำรงตำแหน่งประธานกลุ่ม
BRICS Kazan 2024 Update
24/10/2024
BRICS ประสบความสำเร็จอย่างไรใน 18 ปีที่ผ่านมา
การประชุมสุดยอด BRICS ครั้งที่ 16 ที่เมืองคาซานของรัสเซีย ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคมที่ผ่านมา (2024) เป็นกิจกรรมหลักของกลุ่ม BRICS ในช่วงที่รัสเซียดำรงตำแหน่งประธานของกลุ่ม ซึ่งถือเป็นการประชุมสุดยอดครั้งแรกที่สมาชิกใหม่หลายชาติได้เข้าร่วม โดยมีผู้นำจาก 36 ประเทศ รวมถึงหัวหน้ารัฐและรัฐบาลของอีก 22 ประเทศ ภายใต้คำขวัญของงานที่ว่า "การเสริมสร้างพหุภาคีเพื่อการพัฒนาและความมั่นคงระดับโลกที่ยุติธรรม"
BRICS ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 โดยบราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน โดยมีแอฟริกาใต้เข้าร่วมในปี 2014 ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา (2024) อียิปต์ อิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย และเอธิโอเปียกลายเป็นสมาชิกเต็มตัว ในขณะที่รัสเซียเข้ารับตำแหน่งประธาน BRICS
BRICS เริ่มมีส่วนร่วมกับประเทศภายนอกในช่วงต้นทศวรรษ 2010 ผ่านรูปแบบ “BRICS Plus/Outreach” มีประเทศต่างๆ ประมาณ 40 ประเทศที่สนใจที่จะร่วมมือกับกลุ่มในรูปแบบต่างๆ รวมถึงเป็น "สโมสรของสมาชิกที่มีแนวคิดเหมือนกัน" ไม่ใช่กลุ่มย่อยอย่าง NATO หรือ EU และไม่มีกฎบัตร งบประมาณ สำนักงานเลขาธิการ และโครงสร้างเหนือชาติ
BRICS ที่ขยายตัวนั้น คิดเป็นประมาณ 45% ของประชากรโลก (ประมาณ 3.6 พันล้านคน) และ GDP รวมกันที่ 28.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ (IMF) เมื่อปีที่แล้ว (2023)
ปัจจุบัน BRICS มีสัดส่วน 36% ของ GDP ทั่วโลก (PPP) แซงหน้า G7 ที่มีสัดส่วน 29.3% และสหภาพยุโรปที่มีสัดส่วน 14.5%
เป็นที่คาดการณ์ว่า BRICS จะเติบโตในปี 2024 ที่ 4% เทียบกับ 1.7% ของ G7 และ 3.2% ทั่วโลก ตามคำกล่าวของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ที่ BRICS Business Forum
BRICS มีสินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้ 45 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามรายงาน BRICS Wealth Report เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา (2024) ขณะที่ประเทศ BRICS ผลิตน้ำมันดิบทั่วโลกเกือบครึ่ง คือคิดเป็น 45% ของทั้งหมด
นอกจากนี้ BRICS ก็ยังถือครองสำรองทองคำทั่วโลกมากกว่า 20% นำโดยรัสเซีย (2,340 ตัน) และจีน (2,260 ตัน) ตามข้อมูลของ World Gold Council และคิดเป็น 25% ของการส่งออกทั่วโลก
เมื่อปีที่แล้ว (2023) การค้าของรัสเซียมีมูลค่า 228,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับจีน 57,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับอินเดีย และ 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับบราซิลและแอฟริกาใต้ ท่ามกลางการก่อตั้งธนาคารพัฒนาแห่งใหม่ (New Development Bank-NDB) ในปี 2014 เพื่อระดมทุนโครงสร้างพื้นฐานและโครงการพัฒนาอย่างยั่งยืนในประเทศสมาชิกและตลาดเกิดใหม่ ด้วยทุนจดทะเบียน 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยตั้งแต่ปี 2016 NDB ได้ลงทุนใน 138 โครงการในจีน อินเดีย บราซิล รัสเซีย แอฟริกาใต้ บังกลาเทศ และอียิปต์ ตามข้อมูลในเว็บไซต์ของ NDB
ท่ามกลางการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก ปัจจุบันการชำระเงินระหว่างรัสเซียและพันธมิตรของ BRICS ประมาณ 65% ใช้สกุลเงินของประเทศ
BRICS พร้อมกับพัฒนาเครื่องมือสำหรับระบบการเงินที่ครอบคลุม รวมถึงหน่วยบัญชีร่วม (Unit) แพลตฟอร์มการชำระเงินพหุภาคี (BRICS Bridge) ระบบการชำระเงินแบบบล็อคเชน (BRICS Pay) ศูนย์รับฝากเงิน (BRICS Clear) ระบบประกัน และหน่วยงานจัดอันดับอิสระด้วย
BRICS Kazan 2024 Update
23/10/2024
BRICS เป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่
อลาสแตร์ ครูค: กฎแห่งสงคราม กฎอารยธรรมทั้งหมด กฎทั้งหมดของสหประชาชาติอยู่นอกหน้าต่าง BRICS จะมีความสำคัญอย่างมาก มันเป็นเรื่องของการยกระดับและดึงชาวอเมริกันเข้าสู่ความขัดแย้งครั้งสุดท้ายกับอิหร่าน
เราอยู่ในสงครามที่ไร้ขีดจำกัด ไร้กฎเกณฑ์ ไร้กฎหมาย เนทันยาฮูทำให้วัตถุประสงค์ชัดเจน มันคือการทำลายเลบานอนตอนใต้และอเมริกาก็สนับสนุนมัน อิสราเอลเรียกร้องให้เลบานอนยอมจำนนโดยสมบูรณ์ นี่เป็นการรุกรานขั้นสูงสุดอย่างแท้จริงในการผลักดันให้ผู้คนยอมจำนนอย่างสุดซึ้ง
ผมคิดว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามอันยาวนานระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลและตะวันตก
เรากำลังมาถึงจุดสิ้นสุดของยุคสมัยอันยาวนานและเรากำลังรอยุคต่อไปที่จะเกิด มันลำบากมากที่จะเกิด ยังไม่เกิด แต่ยุคเก่านี้กำลังจะตายและเสื่อมสลาย และยุคใหม่กำลังดิ้นรน มันจะเกิด. และเราอาจจะได้เห็นแสงแรกของวันในคาซาน
BRICS เน้นอิสราะทางการเงินผ่านการใช้เงินสกุลประจำชาติ
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวว่า การส่งเสริมการทำธุรกรรมทางการค้าด้วยสกุลเงินประจำชาติระหว่างสมาชิกของกลุ่ม BRICS ถือเป็นความจำเป็นเชิงกลยุทธ์ โดยเสริมว่า การเปลี่ยนแปลงจากดอลลาร์สหรัฐจะเสริมสร้างความเป็นอิสระทางการเงิน และลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
ปัจจุบัน รัสเซียเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอด BRICS ประจำปีครั้งที่ 16 ที่เมืองคาซาน กลุ่มนี้ประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ รวมถึงสมาชิกใหม่อิหร่าน อียิปต์ เอธิโอเปีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเข้าร่วมในเดือนมกราคม
เมื่อวันอังคารกับประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ BRICS ดิลมา รุสเซฟฟ์ ปูตินเน้นย้ำว่าการใช้สกุลเงินท้องถิ่นแทนดอลลาร์หรือยูโร “ช่วยให้การพัฒนาเศรษฐกิจปลอดจากการเมืองมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในบริบทของโลกปัจจุบัน”
ระเบียบตามกฎคือการทำลายกฎเอง
ไมเคิล มาลูฟ อดีตนักวิเคราะห์เพนตากอน กล่าวกับจอร์จ กัลโลเวย์ อดีตส.ส.อังกฤษเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เมื่อพูดถึงรายการทอล์คโชว์ Mother of All Talk Shows (MOATS) ของกัลโลเวย์ มาลูฟปรบมือให้กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียที่ตระหนักว่ารัฐต่างๆ นับไม่ถ้วนทั่วโลกกำลังมองหาระบบเศรษฐกิจที่ครอบคลุมมากขึ้น และตามคำพูดของมาลูฟ “เพื่อที่จะหลุดพ้นจากภายใต้การคว่ำบาตรที่น่ารังเกียจของ ตะวันตกและระบบการเงินที่ทำให้พวกเขาเป็นภาระจริงๆ”
“สหรัฐฯ มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่อง 'ระเบียบตามกฎ' ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่เพียงแต่สามารถสร้างกฎเท่านั้น แต่ยังทำลายกฎเหล่านั้นได้ตามต้องการ และเราได้เห็นสิ่งนี้มาโดยตลอดในการตัดสินใจของตนเอง และโลกกำลังพูดว่า 'เราเห็นเรื่องไร้สาระนี้มามากพอแล้ว'” เขาบอกกับ Galloway
“เรากำลังจะได้เห็นความท้าทายต่ออำนาจนำของดอลลาร์ [และ] การทำให้ดอลลาร์กลายเป็นอาวุธและระบบตะวันตก และเราได้เห็นกลไกที่จะนำเสนอในการประชุมสุดยอดนี้ในสัปดาห์นี้แล้ว” เขากล่าวต่อ
BRICS คือทางเลือกสำหรับประเทศกำลังพัฒนา
กลุ่ม BRICS กำลังกลายเป็นทางเลือกที่ทรงพลังสำหรับประเทศต่างๆ ที่ต้องการลดการพึ่งพาโครงสร้างแบบตะวันตก Nonkululeko Patricia Mantula ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Global South Queens (GSQ) Media House กล่าวกับ RT
ในการกล่าวนอกรอบการประชุม BRICS Business Forum ในมอสโก ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 17-18 ตุลาคม Mantula เน้นย้ำถึงความสามารถขององค์กรในการต่อต้านอิทธิพลของเรื่องเล่าจากตะวันตก ระบบการเงิน และผลกระทบของการคว่ำบาตร
“ตอนนี้เราได้เห็นการคว่ำบาตรที่บังคับใช้กับบางประเทศ เราได้เห็นอคติขององค์กรระหว่างประเทศเหล่านี้แล้ว กลุ่ม BRICS ได้กลายเป็นทางออกแล้ว” แมนทูลาตั้งข้อสังเกต โดยไตร่ตรองถึงวิธีที่กลุ่มนี้ ซึ่งเริ่มต้นจากบราซิล รัสเซีย อินเดียและจีนได้เติบโตขึ้นเป็นเวทีความร่วมมือที่สำคัญ
เธอชี้ให้เห็นว่าประเทศต่าง ๆ ดึงดูดกลุ่ม BRICS เนื่องจากมีแนวทางที่ครอบคลุมต่อความหลากหลายและการเคารพซึ่งกันและกัน ทั้งในด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรม
ที่มา Agencies, X
BRICS Kazan 2024 Update
23/10/2024
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุม BRICS Plus Summit ที่เมืองคาซาน รัสเซีย
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้เข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำระหว่างกลุ่มประเทศ BRICS กับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (Leaders’ Meeting of the BRICS Member Countries in the Outreach/BRICS Plus Format) หรือ BRICS Plus Summit ในวันที่ 24 ตุลาคม 2567 ณ เมืองคาซาน รัสเซีย ตามคำเชิญของนายวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย
การประชุมนี้ถือเป็นการประชุมในกรอบ BRICS Plus ครั้งที่ 4 จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “BRICS and the Global South: Building a Better World Together” เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาความท้าทายในระดับภูมิภาคและระดับโลก และแนวทางการส่งเสริมระบบพหุภาคีเพื่อการสร้างระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นธรรมและเป็นประโยชน์ต่อประเทศกำลังพัฒนามากขึ้น การประชุมครั้งนี้ยังเป็นโอกาสให้ฝ่ายไทยได้เน้นย้ำความมุ่งมั่นในการยกระดับปฏิสัมพันธ์กับกลุ่ม BRICS หลังจากที่ไทยได้ยื่นหนังสือแสดงความประสงค์ในการสมัครเข้าเป็นสมาชิก BRICS เมื่อเดือนมิถุนายน 2567 ทั้งนี้ นอกเหนือจากประเทศสมาชิก ยังมีประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ที่จะเข้าร่วมการประชุม เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย สปป.ลาว เวียดนาม คาซัคสถาน
ปัจจุบัน BRICS มีสมาชิก 9 ประเทศ ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิหร่าน อียิปต์ และเอธิโอเปีย โดยเมื่อปี 2560 จีนได้เสนอให้มีการจัดตั้งกลไก BRICS Plus เพื่อเป็นเวทีระดับสูงที่สุดเพื่อให้ประเทศสมาชิก BRICS และประเทศกำลังพัฒนาที่มีศักยภาพร่วมกันหาแนวทางในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ระบบพหุภาคี ทั้งนี้ มีการประชุมในกรอบ BRICS Plus มาแล้ว 3 ครั้ง ซึ่งไทยเข้าร่วมทุกครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 ปี 2560 ที่เมืองเซี่ยเหมิน จีน ครั้งที่ 2 ปี 2565 จีนเป็นเจ้าภาพการประชุมผ่านระบบทางไกล และครั้งที่ 3 ปี 2566 ที่นครโจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้
ที่มา https://www.mfa.go.th/th/content/preprbrics211024?cate=5d5bcb4e15e39c306000683d
BRICS Kazan 2024 Update
23/10/2024
จับตา BRICS Summit สู่การกำหนดฉันทามติโลก
เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับการประชุม BRICS Summit ครั้งที่ 16 ในเมืองคาซานของรัสเซีย ซึ่งก็เป็นที่จับตาจากประชาคมโลก ว่าจะเป็นพยานถึงความสามัคคีในตลาดเกิดใหม่และกลุ่มประเทศซีกโลกใต้ (Global South) รวมถึงการสนับสนุนที่มากขึ้นสำหรับแนวคิดพหุภาคีและความมั่นคงระดับโลก
ด้านนักวิเคราะห์ซึ่งสังเกตการณ์ความร่วมมือดังกล่าวมองว่า สิ่งที่ทำให้การประชุมสุดยอดในปีนี้พิเศษ มาจากการที่การประชุมสุดยอดครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งแรก หลังการขยายชาติสมาชิกที่มากเป็นประวัติการณ์ของ BRICS ซึ่งจีนระบุว่า ปักกิ่งให้ความสำคัญกับการประชุมสุดยอดครั้งนี้ รวมถึงสนับสนุนบทบาทของรัสเซียอย่างเต็มที่ในฐานะเจ้าภาพจัดการประชุม
จาง ฮันฮุย เอกอัครราชทูตจีนประจำรัสเซีย ระบุว่า ความร่วมมือ BRICS ที่ขยายตัวจะมีส่วนร่วมมากขึ้นในการปรับปรุงระบบการกำกับดูแลโลก ซึ่ง “จีนจะยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับสมาชิก BRICS ชาติอื่น ๆ เพื่อสร้างความร่วมมือที่ครอบคลุมมากขึ้น ใกล้ชิดมากขึ้น และรวมกันเป็นหุ้นส่วนที่มีคุณภาพสูง”
สำหรับการขยายวงชาติสมาชิกครั้งล่าสุดของ BRICS คิดเป็นประมาณ 30% ของพื้นที่ที่ดินของโลก 45% ของประชากรโลก และ 20% ของการค้าโลก ซึ่งการจัดกลุ่ม ทำให้เข้าสู่ยุคใหม่ของความร่วมมือ BRICS ที่มากขึ้น ตามมุมมองของผู้สังเกตการณ์ ขณะเดียวกัน เบื้องหลังก็คือ การเพิ่มขึ้นของตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาโดยรวม รวมถึงความจริงที่ว่า ประเทศซีกโลกใต้ คิดเป็นมากกว่า 40% ของเศรษฐกิจโลก
“เราสามารถมุ่งมั่นเพื่อผลลัพธ์ที่สำคัญใหม่ในพื้นที่ต่าง ๆ เช่นการเงิน AI รวมถึงพลังงานและแร่ธาตุ เพื่อให้ได้รับความร่วมมือจาก BRICS มากขึ้นเพื่อเริ่มต้นที่ดี” หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ BRICS เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา (2024)
ขณะเดียวกัน Ren Lin หัวหน้าแผนกธรรมาภิบาลระดับโลก สถาบันเศรษฐศาสตร์โลกและการเมืองของจีน ระบุว่า “กลไกความร่วมมือ BRICS เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับการมีส่วนร่วมของจีนในการปกครองระดับโลก”
จากข้อมูลของสำนักงานศุลกากรทั่วไปของจีน ระบุว่า ในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้ (2024) การนำเข้าและส่งออกของจีนไปและกลับจากประเทศ BRICS อื่น ๆ มีจำนวนรวม 4.62 ล้านล้านหยวน หรือ 649.66 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 5.1 % เมื่อเทียบเป็นรายปี
ขณะเดียวกัน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนได้หยิบยกโครงการพัฒนาระดับโลกที่เป็นความคิดริเริ่มด้านความมั่นคงทั่วโลก รวมถึงโครงการอารยธรรมโลก ซึ่งสอดคล้องกับเนื้อหาของความร่วมมือ BRICS ซึ่งจะผลักดันความร่วมมือทาง BRICS ในระดับใหม่
สำหรับความร่วมมือ BRICS จะปรับปรุงความสามารถของประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาเพื่อรับมือกับความเสี่ยงภายนอก รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือทางปฏิบัติในหมู่ประเทศซีกโลกใต้ หลังจากเมื่อเดือนที่ผ่านมา (ก.ย.2024) โลกได้เห็นจำนวนประเทศที่ต้องการเข้าร่วม BRICS เพิ่มขึ้น เช่นไทยและมาเลเซีย ที่แสดงความตั้งใจที่จะเข้าร่วม BRICS
ด้าน Jiang Tianjiao รองผู้อำนวยการศูนย์การศึกษา BRICS ที่สถาบันพัฒนา Fudan ในนครเซี่ยงไฮ้ มองว่าสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ด้วยจิตวิญญาณของการเปิดกว้าง ความละม้ายคล้ายคลึงของความร่วมมือ และการเดินหน้าสู่สถานการณ์ที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย (Win-win Situation) จะทำให้ BRICS ได้รับการยอมรับที่กว้างขึ้นทั่วโลก”
ขณะที่ Magdy Amer รองประธานสมาคมมิตรภาพอียิปต์-จีน และอดีตเอกอัครราชทูตอียิปต์ประจำประเทศจีนกล่าวว่า ตลาดเกิดใหม่กำลังมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นในระเบียบโลกและความร่วมมือ "BRICS Plus" ซึ่งการจัดกลุ่มส่วนใหญ่เป็นประเทศกำลังพัฒนาซึ่งมีศักยภาพที่ดี
อีกด้านหนึ่ง ความร่วมมือ “BRICS Plus” จะเปิดโอกาสให้ตลาดเกิดใหม่สามารถบรรลุฉันทามติในประเด็นระดับโลกได้ เพื่อเพิ่มการพัฒนาทั่วไปและการเติบโตของเศรษฐกิจของชาติสมาชิก
ที่มา https://asianews.network/brics-summit-expected-to-strengthen-unity-among-members/
BRICS Kazan 2024 Update
23/10/2024
ทูตจีนประจำรัสเซียเห็นว่า BRICS จะวางระเบียบโลกหลายขั้วและเน้นเท่าเทียมมากขึ้น
ทูตจีนประจำรัสเซีย หวังว่า การประชุมสุดยอดผู้นำ BRICS ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซียหนนี้ จะสะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพและความกลมเกลียว และช่วยกันร่างแผนการพัฒนากลไก BRICS รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาร่วมกัน ทั้งในด้านการเงิน เอไอ พลังงานและสินแร่
เขายังเห็นว่า สถานการณ์ในปัจจุบัน ได้สูญเสียระเบียบโลกไปแล้ว และการเติบโตทางเศรษฐกิจก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า การพัฒนายังเป็นไปอย่างไม่สมดุลและขาดธรรมาภิบาล ในฐานะที่ BRICS เป็นกลุ่มชั้นนำในซีกโลกใต้ จึงควรส่งเสริมเรื่องความเท่าเทียมให้มากขึ้น และจัดระเบียบโลกแบบหลายขั้วอำนาจ และไม่กีดกันเศรษฐกิจแบบโลกาภิวัฒน์
สิ่งแรกที่ควรทำคือการสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือทางการค้า ทุกฝ่ายจะต้องได้ประโยชน์เมื่อ BRICS มีขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งในแง่ของทรัพยากร ตลาด ไปจนถึงการค้าและการลงทุน เพื่อให้เกิดเป็นตลาดการค้าและเศรษฐกิจขนาดใหญ่
สอง ควรเน้นเรื่องบทบาทความร่วมมือทางการเงิน การลงทุนและการเงินโดยใช้สกุลเงินภายในประเทศกำลังขยายตัว แต่ละประเทศควรส่งเสริมการใช้สกุลเงินตัวเองในความร่วมมือชำระข้ามแดน เพื่อให้การเงินและเศรษฐกิจระหว่างประเทศเกิดความมั่นคง
สาม ควรปกป้องบทบาทความร่วมมือด้านพลังงานและอาหาร จำเป็นต้องจัดตั้งแหล่งผลิตอาหารและพลังงานมากขึ้น รวมถึงระบบความต้องการเพื่อรับประกันภาคการผลิตและห่วงโซ่อุปทานจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและมั่นคง
ส่วนแนวโน้มที่ BRICS จะส่งเสริมสกุลเงินร่วมและลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐนั้น ทูตจีนประจำรัสเซียมองว่า เนื่องจากประเทศในกลุ่มซีกโลกใต้มีความแข็งแกร่ง และเติบโตอย่างต่อเนื่อง ครองสัดส่วนเศรษฐกิจโลกมากขึ้น จึงจำเป็นอย่างเร่งด่วน ที่จะต้องปฏิรูประบบการเงิน เพื่อเป็นปากเป็นเสียงให้กับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและอำนวยความสะดวกในการกระจายระบบการเงินนานาประเทศให้หลากหลาย
ส่วนจีนในฐานะผู้ขายสินค้าใหญ่สุดในโลก และเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ใหญ่สุดด้วย ซึ่งจีนก็มีความก้าวหน้าอย่างมากในการใช้เงินหยวนให้เป็นเงินสากลในช่วงไม่กี่ปีมานี้ การนำเงินหยวนมาใช้ได้อย่างลงลึกมากขึ้น ในเวทีการค้าโลก จะช่วยให้เกิดพลวัฒน์และความยืดหยุ่นกับเศรษฐกิจจีน ดังนั้น จีนจึงแสดงบทบาทในเชิงบวกเพื่อรักษาความมั่นคงของเศรษฐกิจโลก
สำหรับประเด็นการขยายตัวของกลุ่ม BRICS ประเทศสมาชิกที่เข้ามาใหม่ จะรับประกันได้อย่างไรว่า มีแนวคิดสอดคล้องกับทางกลุ่ม ทั้งในแง่การเมือง เศรษฐกิจ และเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ ทูตจีนประจำอินเดีย ระบุแค่ว่า ประเทศสมาชิกใหม่และเก่า จะต้องเป็นหุ้นส่วนที่มีแนวคิดแบบเดียวกัน เพื่อธำรงไว้ซึ่งจิตวิญญาณของกลุ่ม BRICS ในเรื่องการเปิดกว้าง การไม่แบ่งแยก และความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ทุกฝ่าย เชื่อว่า สมาชิกใหม่จะบูรณาการเข้ากับกลุ่ม BRICS ได้อย่างรวดเร็ว เสริมสร้างความแข็งแกร่ง ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม
ส่วนความร่วมมือระหว่างจีนกับรัสเซียที่แน่นแฟ้นมากขึ้นนั้น จะส่งผลกระทบต่อระเบียบโลกและระบบธรรมาภิบาลโลกอย่างไรบ้าง ? ทูตจีนประจำรัสเซียเห็นว่า ปัจจุบัน โลกก็วุ่นวายพออยู่แล้ว เกิดความขัดแย้งตามภูมิภาคต่างๆ ในฐานะที่จีนและรัสเซียเป็นสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติด้วยกันทั้งคู่ จึงเหมือนเป็นแนวหน้าในการสร้างมวลมนุษยชาติในอนาคตร่วมกัน
จีนกับรัสเซียมีจุดยืนโลกหลายขั้วอำนาจ รัสเซียซาบซึ้งกับแนวคิดการพัฒนาโลก ความมั่นคงโลก และอารยธรรมโลก ที่นำเสนอโดยจีน รวมถึงความก้าวหน้าของแนวคิดหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง และการบูรณาการเข้ากับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย ความร่วมมือของสองประเทศยังลงลึกในด้านการค้าและเศรษฐกิจ
จีนยังคงเป็นหุ้นส่วนการค้าใหญ่สุดของรัสเซียมายาวนานถึง 14 ปีแล้ว และเมื่อปี 2023 การค้าระหว่างสองประเทศก็เอาชนะแรงกดดันจากภายนอกได้ ทั้งยังได้ตามเป้า 200,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6.6 ล้านล้านบาท ที่ตั้งไว้ และจากเดือนมกราคมถึงกันยายน ปีนี้ มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศพุ่งแตะ 180,357 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6 ล้านล้านบาทแล้ว เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี
จีนกับรัสเซียค้าขายด้านพลังงานมากขึ้น และจีนก็นำเข้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากรัสเซียมากขึ้นด้วยเช่นกัน ในขณะที่จีนก็ส่งรถ ของใช้ในบ้าน และสินค้าอื่นๆ เข้าไปขายทั่วรัสเซียเช่นกัน ทั้งคู่ยังจะร่วมมือกันมากขึ้นในด้านเคมี พลังงาน การบินและอวกาศ สร้างทางหลวงเชื่อมต่อกัน และทางรถไฟ เป็นประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ ส่วนประเด็นยูเครน จีนชูจุดยืนไปที่สันติภาพและการเจรจา
อ้างอิงจาก https://www.globaltimes.cn/page/202410/1321609.shtml
BRICS Kazan 2024 Update
23/10/2024
นักการเมืองฝรั่งเศสชี้ กลุ่ม BRICS เริ่มมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ ตะวันตกทำอะไรไม่ได้
หัวหน้าพรรค French Patriots ของฝรั่งเศสกล่าวกับสำนักข่าว RIA Novosti ของรัสเซียว่า อิทธิพลทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ BRICS เริ่มขยายตัวเป็นรูปเป็นร่างแล้ว และประเทศตะวันตกจะไม่สามารถทำอะไรกลุ่มนี้ได้เลย
เป็นเวลาสองปีแล้วที่ GDP ของกลุ่ม BRICS แซงหน้ากลุ่ม G7 และการเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่ม BRICS สูงกว่า G7 ถึงสองเท่า บทบาทที่เข้มแข็งขึ้นของกลุ่ม BRICS ถูกสังเกตได้ทั้งในแง่เศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ สะท้อนได้ว่า การคว่ำบาตรรัสเซียไม่ได้ผล ดอลลาร์แม้จะยังมีอำนาจเหนืออยู่ แต่ก็เริ่มร่วงลง แม้จะเกิดวิกฤติขึ้นกับโลกหลายครั้ง แต่กลุ่ม BRICS ก็เอาตัวรอดได้เสมอ พยายามจะหาทางแก้ปัญหา รวมถึงวิกฤติในตะวันออกกลางรอบนี้ ในขณะที่ชาติตะวันตก มัวแต่โยนเรื่องไปที่กลุ่มนาโต้
การประชุมสุดยอด BRICS จัดขึ้นที่เมืองคาซานระหว่างวันที่ 22 ถึง 24 ตุลาคม 2024 กลุ่มนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 โดยมีรัสเซียเข้ารับตำแหน่งประธาน BRICS เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2024 เป็นปีที่เริ่มต้นด้วยการเปิดรับสมาชิกใหม่
นอกเหนือจากรัสเซีย บราซิล อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้แล้ว ปัจจุบันยังรวมถึงอียิปต์ เอธิโอเปีย อิหร่าน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ได้เข้ากลุ่ม BRICS การดำรงตำแหน่งประธาน กลุ่มของรัสเซียจัดขึ้นภายใต้คำขวัญของการเสริมสร้างพหุภาคีเพื่อการพัฒนาและความมั่นคงระดับโลกที่เท่าเทียมกัน ในฐานะประธานกลุ่ม รัสเซียได้จัดงานทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมเชื่อมโยงกับกลุ่ม BRICS มากกว่า 200 ครั้งแล้ว
IMCT News