ขอบคุณภาพจาก The National Interest
21/10/2024
Nikkei Asia รายงานว่า จีนและเกาหลีเหนือกำลังกระชับความร่วมมือทางการทหารกับรัสเซียให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในระดับที่ต้องจับตา เพื่อแลกกับการสนับสนุนรัสเซียในสงครามยูเครน โดยมอสโกกำลังช่วยให้จีนและเกาหลีเหนือสามารถเพิ่มขีดความสามารถทางการทหารได้ ซึ่งเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนที่อาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ของความขัดแย้งทั่วโลก
สิ่งที่น่ากังวลเป็นพิเศษคือ ความร่วมมือทางทหารที่เติบโตขึ้นระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือ ตามการประมาณการของทางการยูเครน เกาหลีเหนือได้จัดหากระสุนปืนใหญ่ 2.8 ล้านลูก และขีปนาวุธพิสัยไกลมากถึง 60 ลูกให้กับรัสเซีย ช่วงระหว่างเริ่มต้นของความขัดแย้ง ขณะที่มอสโกตอบสนองต่อความช่วยเหลือของเปียงยางผ่านการเพิ่มแรงสนับสนุนทางการทหารให้เกาหลีเหนือ
มีสัญญาณบ่งชี้ว่า รัสเซียได้เริ่มให้โอกาสเจ้าหน้าที่ทหารเกาหลีเหนือได้เรียนรู้ยุทธวิธีการรบล่าสุด ผ่านการฝึกปฏิบัติในพื้นที่ที่รัสเซียยึดครองในยูเครน ซึ่งสำนักข่าวของยูเครนรายงานว่า เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือ 6 นาย เสียชีวิตเมื่อต้นเดือนนี้ (ต.ค.2024) ในยูเครนตะวันออก ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย ขณะที่รายงานทางโซเชียลมีเดียของรัสเซีย ระบุว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้กำลังตรวจสอบการปฏิบัติการรบในพื้นที่
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ระบุในสุนทรพจน์เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว (13 ต.ค.) ว่า “เราเห็นพันธมิตรที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างรัสเซียและระบอบการปกครองต่างๆ เช่น เกาหลีเหนือ ซึ่งไม่ใช่แค่การถ่ายโอนอาวุธ แต่เป็นการถ่ายโอนผู้คนจากเกาหลีเหนือไปยังกองกำลังทหารที่ยึดครอง”
นาตาลียา กูเมนยุก สื่อมวลชนชาวยูเครน และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Public Interest Journalism Lab ซึ่งรายงานเกี่ยวกับอาชญากรรมสงครามของรัสเซียและประเด็นอื่นๆ ประณามกิจกรรมของเกาหลีเหนือในยูเครนว่า “นอกจากจะต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของพลเรือนในยูเครนแล้ว เกาหลีเหนือยังอาจทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลในยูเครน และปรับแต่งเพื่อใช้กับระบบป้องกันภัยทางอากาศของชาติตะวันตกด้วย” ท่ามกลางแนวโน้มว่า เกาหลีเหนืออาจเรียนรู้จากรัสเซียเกี่ยวกับยุทธวิธีล่าสุดจากสงครามโดรนที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว หากเกาหลีเหนือส่งทหารเข้าไปในดินแดนที่รัสเซียยึดครองในยูเครน
ขณะที่ The Washington Post รายงานเมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา (2024) โดยอ้างแหล่งข่าวทางทหารที่ไม่เปิดเผยชื่อในยูเครนว่า ทหารราบของเกาหลีเหนือหลายพันนายได้รับการฝึกฝนในรัสเซียและอาจจะถูกส่งไปประจำการในแนวหน้าของยูเครนภายในสิ้นปีนี้
อีกด้านหนึ่ง รัสเซียก็ยังเพิ่มความร่วมมือทางทหารกับจีนในลักษณะที่ก่อให้เกิดความกังวลเชิงยุทธศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์อย่างมีนัยสำคัญ โดยสหรัฐฯ มีความกังวลเพิ่มมากขึ้นว่า รัสเซียอาจเริ่มถ่ายโอนเทคโนโลยีขั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ขีปนาวุธ และเครื่องบินทหารไปยังจีน หากเป็นเช่นนั้นจริง ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับมอสโก ซึ่งตลอดมาได้ปกป้องเทคโนโลยีที่สำคัญเชิงยุทธศาสตร์และปฏิเสธคำขอของปักกิ่งในการถ่ายโอนเทคโนโลยีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่าปัจจุบันเครมลินไม่สามารถปฏิเสธข้อเรียกร้องของจีนได้ เนื่องจากต้องพึ่งพาปักกิ่งในด้านไมโครอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักรที่จำเป็นสำหรับการผลิตอาวุธจำนวนมาก
นอกจากนี้ รัสเซียยังได้เพิ่มความเข้มข้นในการซ้อมรบและลาดตระเวนร่วมกับจีน โดยในช่วงเก้าเดือนแรกของปีนี้เพียงปีเดียว (2024) รัสเซียได้ดำเนินการซ้อมรบร่วมกัน 11 ครั้ง ตามข้อมูลของศูนย์การศึกษากลยุทธ์และระหว่างประเทศในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยทั้งสองประเทศมีส่วนร่วมในการซ้อมรบดังกล่าวอย่างน้อย 102 ครั้งภายในเดือนกรกฎาคม (2024) ซึ่งกว่าครึ่ง เกิดขึ้นหลังจากต้นปี 2017 รวมถึงการซ้อมรบพหุภาคีกับประเทศอื่นๆ ซึ่งกิจกรรมร่วมกันเหล่านี้บ่งชี้ว่าพลวัตของอำนาจกำลังเปลี่ยนไปในทิศทางที่เอื้อต่อจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น ระหว่างการลาดตระเวนร่วมกันเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา (ต.ค.2024) รัสเซียอนุญาตให้เรือของหน่วยยามฝั่งจีนเข้าสู่ทะเลอาร์กติกเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพรัสเซียมองว่าเป็นเขตปลอดภัยมานาน
มาซาฟูมิ อิดะ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการศึกษาด้านการป้องกันประเทศของญี่ปุ่น ชี้ให้เห็นว่าการซ้อมรบและลาดตระเวนร่วมกันหลายครั้งในช่วงไม่นานนี้มีประโยชน์ต่อจีนมากกว่าต่อรัสเซีย
“ตัวอย่างหนึ่งคือ รัสเซียอนุญาตให้เครื่องบินทหารของจีนใช้ฐานทัพในระหว่างการลาดตระเวนร่วมกันรอบญี่ปุ่นเมื่อไม่นานนี้” อิดะกล่าว “ในอนาคต เราอาจได้เห็นเรือรบจีนใช้ท่าเรือทางทหารของรัสเซียเพื่อฝึกฝนทางทะเล”
สำหรับความร่วมมือทางทหารของรัสเซียกับจีนและเกาหลีเหนือ ถูกมองว่าไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยความไว้วางใจซึ่งกันและกัน แต่ขับเคลื่อนด้วยความรู้สึกต่อต้านสหรัฐฯ และการคำนวณตามหลักปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นของพวกเขาอาจไม่เพียงแต่ทำให้ยุโรปไม่มั่นคงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเอเชียด้วย ทำให้ต้องเฝ้าระวังและจับตาการส่งออกสินค้าของจีนไปยังรัสเซีย นอกจากนี้ การรักษาช่องทางการเจรจาที่เปิดกว้างกับปักกิ่งถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันความขัดแย้งทางทหารที่ไม่ได้เจตนา
IMCT News