.
36 0C
Thailand
Thailand
ขอบคุณภาพจาก wikipedia
4/8/2024
ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา กล่าวหารัฐบาลสหรัฐฯ และมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ ว่าพยายามก่อรัฐประหารในประเทศ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาสภาการเลือกตั้งแห่งชาติของเวเนซุเอลา (CNE) ได้ประกาศให้มาดูโรเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศเมื่อนับคะแนนได้แล้ว 80% เขาได้คะแนนเสียงมากกว่า 51% เทียบกับ 44% ของคู่แข่งหลักของเขา เอ็ดมุนโด กอนซาเลซ อูร์รูเทีย .
อย่างไรก็ตาม ผู้สนับสนุนชาวตะวันตกของกอนซาเลซรวมถึงมัสก์ ซีอีโอ ของ Tesla และ SpaceX รีบกล่าวหามาดูโรและสภาการเลือกตั้งเรื่องการฉ้อโกงการเลือกตั้ง วอชิงตันไปไกลถึงการรับรองกอนซาเลซอย่างเป็นทางการว่าเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง “เป็นที่ชัดเจนสำหรับสหรัฐฯ … ว่า Edmundo Gonzalez Urrutia ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด” รัฐมนตรีต่างประเทศ Antony Blinken กล่าว โดยอ้างถึง “หลักฐานที่ท่วมท้น”
ในงานแถลงข่าวที่เมืองการากัส มาดูโรตำหนิบลินเกน โดยเรียกความพยายามของเขาที่จะ “ประกาศ” ผลการเลือกตั้งของประเทศอื่นว่าเป็นการกระทำที่ “สิ้นหวัง” และ “ท่าทีที่ไม่เป็นไปตามลักษณะการทูตของสหรัฐฯ”
“คุณจะดูเรื่องนั้นไหม? บลิงเกนและกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มีผลการเลือกตั้ง [ของเรา]” มาดูโรกล่าวอย่างเยาะเย้ย เขายังได้กล่าวหาชาติตะวันตกว่าพยายามทำให้เวเนซุเอลาไม่มั่นคง
“ผมขอประณามว่ารัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมด้วยอีลอน มัสก์ และฟาสซิสต์[ประธานาธิบดีฮาเวียร์] มิเล ที่อยู่ในแนวหน้าของกระบวนการทำลายเสถียรภาพและการรัฐประหารในขณะนี้ ต่อชาวเวเนซุเอลาและประชาธิปไตยเวเนซุเอลา” มาดูโรกล่าว
ก่อนหน้านี้ ในระหว่างการปราศรัยทางโทรทัศน์แห่งชาติ ประธานาธิบดีเวเนซุเอลายังได้ท้าทายมัสก์เป็นการส่วนตัวเพื่อต่อสู้กับเขา
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เวเนซุเอลาให้สัตยาบันรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของมาดูโร หลังจากการนับคะแนนครั้งสุดท้ายเปิดเผยว่าเขาได้คะแนนเสียง 52% เทียบกับกอนซาเลซ 43%
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้าน พร้อมด้วยรัฐบาลของบราซิล โคลอมเบีย และเม็กซิโก ในเวลาต่อมาเรียกร้องให้มีการนับคะแนนโดยละเอียดต่อสาธารณะเพื่อพิสูจน์ชัยชนะของมาดูโร เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อาร์เจนตินา คอสตาริกา เอกวาดอร์ ปานามา เปรู และอุรุกวัย เข้าร่วมกับสหรัฐฯ ในการปฏิเสธผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ และยอมรับกอนซาเลซ ไม่ใช่มาดูโรในฐานะประธานาธิบดีที่ถูกต้องตามกฎหมายของเวเนซุเอลา
IMCT News
ที่มา RT
