Thailand
ขอบคุณภาพจาก RT
18/9/2024
Societe Generale วิเคราะห์ว่า ทองคำยังคงโดดเด่นในบรรดาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งมวล และเป็นตัวแทนสินค้าโภคภัณฑ์ที่เหมาะแก่การเก็บเข้าพอร์ตได้อย่าง 100% แล้วในตอนนี้ จากปัจจัยความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ และปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐ ตลอดจนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
มีอยู่ห้าปัจจัยหลักที่เชื่อว่า มีแนวโน้มจะดันตลาดทองคำ ก็คือ ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราดอกเบี้ย การเข้าซื้อของธนาคารกลาง นักลงทุนแห่เข้าซื้อ และปัจจัยพื้นฐาน แต่ Societe Generale ก็เตือนว่า ในขณะที่ปัจจัยต่างๆ ดูเหมือนจะมาในเชิงบวกแบบท่วมท้น ต่อราคาทองคำ แต่ถ้านโยบายของเฟดหมุนกลับมาอีกทาง ก็มีแนวโน้มจะส่งผลกับอัตราดอกเบี้ยและดอลลาร์สหรัฐในทันที เช่นเดียวกับความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีน ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นปัจจัยที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปอีกแบบได้ตลอดเวลา ซึ่งอาจมีผลต่อราคาทองคำ
Societe Generale ยังมองว่า นโยบายของเฟดมีความสำคัญมากกว่าการเลือกตั้งสหรัฐเสียอีก ในการส่งผลต่อราคาตลาด และถ้ามองตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวม น้ำมันและโลหะพื้นฐานอื่น มีราคาอืดอาดคล้ายหมี ยกเว้นทองคำที่ยังพุ่งฉิว เนื่องจากความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์มีเข้ามาน้อยจนน่าผิดหวัง ทำให้ผู้เชี่ยวชาญสินค้าโภคภัณฑ์ต้องปรับลดคาดการณ์ราคาลง โดยคาดว่า ทองแดงน่าจะอยู่ที่ 9,500 ดอลลาร์ต่อตัน และน้ำมันดิบเบรนท์น่าจะมีราคาที่ 67.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนกลางปี 2025 ส่วนราคาทองคำนั้น ถ้ายิ่งมีปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์เข้ามา ก็จะยิ่งทำให้ซีกโลกใต้ต้องการทองคำมากขึ้น
Societe Generale มองราคาทองคำโดยเฉลี่ย น่าจะอยุ่ที่ 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2024 ก่อนจะขึ้นไปแตะ 2,725 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในไตรมาสแรกของปีหน้า และ 2,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนไตรมาสสอง และตลอดปี 2025 ก็คาดว่า ราคาทองคำโดยเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 2,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์
By IMCT News
© Copyright 2020, All Rights Reserved