Thailand
ขอบคุณภาพจาก Sputnik
04.10.2024
อิหร่านเปิดฉากโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่ที่สุดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยยิงขีปนาวุธ 180 ลูก ซึ่งส่วนใหญ่ถูกระบบป้องกันขีปนาวุธจากอิสราเอล สหรัฐ และจอร์แดนสกัดกั้นไว้ได้ เหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางเลวร้ายลงอีก หลังจากที่อิหร่านเคยโจมตีเมื่อเดือนเมษายน จนอิสราเอลต้องตอบโต้ด้วยการส่งคำเตือนอย่างรุนแรง และยืนยันว่าอิหร่านจะต้อง "ชดใช้" สำหรับการโจมตีครั้งนี้ ขณะที่อิหร่านขู่ว่าจะตอบโต้ด้วยการโจมตีที่หนักหน่วงยิ่งขึ้นหากถูกโจมตีเช่นกัน
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ต่อไปนี้คือการวิเคราะห์เปรียบเทียบขีดความสามารถทางทหารของอิสราเอลและอิหร่าน
1.) กองกำลังทหาร
อิสราเอลมีกำลังทหารประจำการทั้งหมด 170,000 นาย โดยได้รับการสนับสนุนจากกำลังสำรอง 465,000 นาย และกำลังกึ่งทหาร 35,000 นาย ด้านอิหร่านมีกำลังทหารมากกว่ามาก โดยมีกำลังทหารประจำการ 610,000 นาย กำลังสำรอง 350,000 นาย และกำลังกึ่งทหาร 220,000 นาย
2.) กองกำลังทางอากาศ
ในด้านขีดความสามารถทางอากาศ อิสราเอลมีเครื่องบิน 612 ลำ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่ 241 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ 146 ลำ โดยมี 48 ลำจัดอยู่ในประเภทเฮลิคอปเตอร์จู่โจม ในทางตรงกันข้าม อิหร่านมีเครื่องบินทั้งหมด 551 ลำ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่ 186 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ 129 ลำ โดย 13 ลำจัดอยู่ในประเภทเฮลิคอปเตอร์จู่โจม ที่น่าสังเกตคือ อิสราเอลยังมีเครื่องบินสำหรับภารกิจพิเศษ 23 ลำสำหรับกำลังทางอากาศ ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการปฏิบัติการสู้รบ
3.) กองกำลังภาคพื้นดิน
ในหมวดกองกำลังภาคพื้นดิน อิสราเอลมีรถถังประมาณ 1,370 คัน และรถหุ้มเกราะมากกว่า 43,000 คัน นอกจากนี้ ยังมีหน่วยปืนใหญ่อัตตาจร 650 หน่วยและระบบยิงจรวด 150 ระบบ ในทางกลับกัน อิหร่านมีรถถังมากกว่า โดยมีรถถังประมาณ 1,996 คัน และกองยานเกราะมากกว่าซึ่งมีประมาณ 65,765 คัน อย่างไรก็ตาม อิสราเอลเป็นผู้นำในด้านปืนใหญ่อัตตาจร โดยมีทั้งหมด 580 หน่วย เมื่อเทียบกับระบบยิงจรวดของอิหร่านที่มีมากกว่าอิสราเอล 775 ระบบ
4.) ศักยภาพทางทะเล
ศักยภาพทางทะเลของอิสราเอลค่อนข้างจำกัดเนื่องจากไม่มีเรือฟริเกต แต่มีเรือดำน้ำ 5 ลำ เรือคอร์เวต 7 ลำ และเรือตรวจการณ์ 45 ลำ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว อิหร่านมีเรือฟริเกต 7 ลำ เรือดำน้ำ 3 ลำ เรือตรวจการณ์ 19 ลำ และเรือรบทุ่นระเบิด 1 ลำ แสดงให้เห็นว่ากองทัพเรืออิหร่านมีกำลังพลที่แข็งแกร่งกว่าในภูมิภาคนี้
หลังจากอิหร่านโจมตีด้วยขีปนาวุธครั้งล่าสุด นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลก็ได้ออกมาประณามการกระทำดังกล่าว โดยระบุว่าอิหร่าน "ทำผิดพลาดครั้งใหญ่" และจะต้องเผชิญกับผลที่ตามมา
ตามคำกล่าวของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน การโจมตีด้วยขีปนาวุธดังกล่าวเป็นการตอบโต้การกระทำล่าสุดของอิสราเอล รวมถึงการสังหารฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ด้วย
ด้านสหประชาชาติก็ได้เรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันที เนื่องจากทั้งสองประเทศเตรียมรับมือกับการเผชิญหน้าที่อาจเกิดขึ้นต่อไป ทำให้เกิดความกังวลอย่างจริงจังเกี่ยวกับความไม่มั่นคงในภูมิภาค
By IMCT NEWS
© Copyright 2020, All Rights Reserved