Thailand
ขอบคุณภาพจาก RT
03/05/2024
สมดุลอำนาจทางทะเลกำลังเปลี่ยนไป เมื่อกองเรือที่เติบโตอย่างรวดเร็วของกองทัพเรือจีน ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนเรือรบประมาณ 350 ลำ ได้แซงหน้ากองทัพเรือสหรัฐฯ ที่มีทั้งหมด 290 ลำ สิ่งนี้ได้จุดประกายให้เกิดการอภิปรายเกี่ยวกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นกับสหรัฐที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งการรบบนผืนสมุทร
แม้ว่าเรือรบทั้ง 290 ลำของกองทัพเรือสหรัฐ ซึ่งรวมถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน 11 ลำและเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ 45 ลำ จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าของกองทัพเรือจีน แต่ปัญหาที่แท้จริงคือการขาดการซ่อมบำรุงเรือเหล่านั้น ดังนั้นจึงมีรายชื่อเรือที่รอการบำรุงรักษาอีกเป็นจำนวนมาก แต่ดูเหมือนว่า จะยังไม่ได้บรรจุเข้าเป็นวาระเร่งด่วนในการของบซ่อมแซม
ส่วนปัญหาการสร้างเรือนั้นเกิดจากขาดแรงงานที่มีทักษะ แม้กระทั่งบริษัทจัดหายุทโธปกรณ์ทางทหารของสหรัฐยังต้องพึ่งพาจีนในเรื่องส่วนประกอบบางอย่าง เพราะคณะผู้บริหารตัดสินใจแล้วว่า มันจะสร้างผลกำไรให้พวกเขาได้มากกว่า หากย้ายภาคการผลิตไปที่จีน
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายสูงในการสร้างเรือในสหรัฐฯ ประกอบกับความล้มเหลวของโครงการเรือรบหลายโครงการ เช่น LCS (Littoral Combat Ships), เรือพิฆาต DDG 1000 Zumwalt และเรือดำน้ำ Seawolf
โครงการสร้างเรือล่าสุดของสหรัฐ คือ เรือฟรีเกต Constellation Frigate FFG-62 ก็เกินงบไปมากและยังล่าช้ามากอีกด้วย
มีการคาดการณ์ว่า เรือดำน้ำจะเป็นอาวุธชั้นเยี่ยมที่อาจลงมือใช้ในความขัดแย้งกับจีน แต่รายงานพิเศษจากนิวส์วีก สื่อในสหรัฐ ได้เปิดเผยเรื่องนี้เมื่อปีที่แล้ว (2023) ว่า มีเรือดำน้ำจู่โจมของสหรัฐไม่ถึง 20% ที่ได้ประจำการและปฏิบัติการเต็มรูปแบบ เท่ากับว่า มีไม่ถึง 5 ลำเท่านั้น
ดังนั้น กองทัพเรือสหรัฐฯ จำเป็นต้องทบทวนตนเองและแก้ไขปัญหา หากต้องการสร้างความพร้อมในการรับมือกับศัตรูภายนอก
By IMCT NEWS
แหล่งข้อมูล: https://x.com/IndoPac_Info/status/1785976485049962751
© Copyright 2020, All Rights Reserved