ขอบคุณภาพจาก The Japan News
31/10/2024
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชิเงรุ อิชิบะ ถูกคาดการณ์ว่าจะหาทางรักษาอำนาจไว้กับรัฐบาลเสียงข้างน้อย หลังจากพรรคฝ่ายค้านสำคัญพรรคหนึ่งตัดสินใจไม่เข้าร่วมรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ พรรคแอลดีพี (LDP) ของเขา
ยูอิจิโระ ทามากิ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยเพื่อประชาชน (DPP) ซึ่งชนะ 28 ที่นั่งในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (27 ต.ค.) ระบุว่าจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลผสมระหว่างพรรค LDP-Komeito นอกจากนี้ ทามากิยังตัดสินใจไม่จัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคประชาธิปไตยเพื่อรัฐธรรมนูญ (CDP) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่ใหญ่ที่สุด และปฏิเสธที่จะประชุมกับผู้นำพรรคเพื่อหารือเกี่ยวกับการลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้
ด้านพรรคนวัตกรรมญี่ปุ่นยังคงลังเลที่จะเข้าร่วมกับพรรค LDP และพรรคโคเมโตะเช่นกัน หลังพรรค LDP และโคเมโตะ สูญเสียเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ส่งผลให้เกิดการแย่งชิงเสียงข้างมากเพื่อหาพันธมิตรเพื่อรักษาอำนาจ เพราะหากขาดเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร พรรคร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรค LDP ก็จะสั่นคลอนทางการเมือง แม้ว่าอิชิบะจะยังอยู่ในตำแหน่งก็ตาม
เป็นที่คาดการณ์ว่า อิชิบะจะหารือกับพรรค DPP เกี่ยวกับ "พันธมิตรบางส่วน" ซึ่งพรรคเล็กกว่าจะให้การสนับสนุนกฎหมายสำคัญ ซึ่งอาจต้องคำนึงถึงลำดับความสำคัญของพรรค DPP เมื่อร่างงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับปีงบประมาณนี้ และงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2025
ส่วนคำถามเกี่ยวกับงบประมาณ ทามากิกล่าวว่า จำนวนที่นั่งที่แต่ละพรรคถือครอง "สะท้อนถึงเจตจำนงของประชาชน" และพรรคร่วมรัฐบาล LDP "ต้องเข้าใจว่าหากพวกเขาไม่รับฟังอย่างเหมาะสม [งบประมาณของพวกเขา] จะไม่ผ่าน" แม้จะไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ของการเป็นพันธมิตรบางส่วน
“เราจะดำเนินนโยบายไปทีละนโยบาย โดยให้ความร่วมมือกับคนดี และปฏิเสธคนที่ไม่ดี” ทามากิกล่าว
การที่พรรค DPP ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมรัฐบาลผสมเต็มรูปแบบนั้น เป็นผลมาจากการคัดค้านของสหพันธ์สหภาพแรงงานญี่ปุ่น หรือ Rengo ซึ่งเป็นกลุ่มสนับสนุนที่สำคัญของพรรค
ขณะเดียวกัน เมื่อการเลือกตั้งสิ้นสุดลง สภาผู้แทนราษฎรทั้งสองแห่งของญี่ปุ่นจะประชุมสมัยวิสามัญเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ (2024) หากไม่มีผู้สมัครคนใดได้รับคะแนนเสียงข้างมากในรอบแรก การเลือกตั้งจะต้องเข้าสู่รอบสองระหว่างตัวเลือกอันดับต้นๆ สองอันดับแรก ซึ่งน่าจะเป็นอิชิบะ กับโยชิฮิโกะ โนดะ หัวหน้าพรรค CDP ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักในขณะนี้
ขณะที่ทามากิเปิดเผยถึงแผนของพรรค DPP สำหรับการลงคะแนนเสียงคือ ให้สมาชิกเขียนชื่อของเขาแม้ในรอบสอง
ภายใต้กฎของรัฐสภาญี่ปุ่น การลงคะแนนเสียงรอบสองสำหรับผู้สมัครคนอื่นๆ นอกเหนือจากผู้สมัครสองคนที่เหลืออยู่ถือเป็นโมฆะ เนื่องจากรอบนั้นต้องการเพียงคะแนนเสียงข้างมากเท่านั้นจึงจะชนะได้ ไม่ใช่คะแนนเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาด คะแนนเสียงที่ผิดจึงอาจส่งผลดีต่ออิชิบะในฐานะหัวหน้าพรรคที่ยังคงเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุดในสภาล่าง
พรรค LDP และโคเมโตะได้รับที่นั่งเพียง 215 ที่นั่งในการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (27 ต.ค.) แม้ว่าอดีตสมาชิกพรรค LDP ที่ไม่ได้สังกัดพรรคซึ่งพรรคไม่ได้ให้การรับรอง เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวเรื่องกองทุนประกันสังคม จะกลับเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคอีกครั้ง แต่พรรคร่วมรัฐบาลก็ยังคงขาดที่นั่ง 233 ที่นั่งที่จำเป็นสำหรับคะแนนเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาด ซึ่งจากความพยายามที่จะบรรลุเกณฑ์ดังกล่าวสำหรับการลงคะแนนเสียงของนายกรัฐมนตรี พรรค LDP กำลังทาบทาม ทั้งพรรคฝ่ายค้าน และสมาชิกรัฐสภาที่ไม่ได้สังกัดพรรค
อีกด้านหนึ่ง ขณะนี้พรรคฝ่ายค้านมีที่นั่งในสภาล่าง 238 ที่นั่ง หากไม่มี 28 ที่นั่งของพรรค DPP จำนวนที่นั่งจะลดลงเหลือ 210 ที่นั่ง ซึ่งน้อยกว่าพรรคร่วมรัฐบาล LDP-โคเมโตะ เท่ากับว่า สำหรับพรรค CDP การได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาอิสระ 12 คนในสภาล่างจะเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งทามากิยอมรับว่ามีการติดต่อระหว่างสมาชิกระดับสูงของพรรค LDP และ DPP เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือก่อนการลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี แม้ว่าจะยังไม่ได้หารือโดยตรงกับอิชิบะ แต่ทามากิกล่าวว่า DPP จะไม่ตัดโอกาสการพบปะระหว่างผู้นำพรรค หากพรรค LDP ร้องขอ
การที่ทามากิหลีกเลี่ยงการเลือกตั้ง อาจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะผลักดันลำดับความสำคัญของนโยบายของ DPP ซึ่งทามากิระบุว่า “ผมต้องการทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้เกิดผลสำเร็จตามนโยบายเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มเงินเดือนและสร้างความร่ำรวยให้กับประชาชน ตามที่เราให้คำมั่นไว้ในช่วงการเลือกตั้ง”
นอกจากนี้ก็มีรายงานว่า มีการหารือกันภายในพรรค LDP มาระยะหนึ่งเกี่ยวกับการร่วมมือกับ DPP ซึ่งเมื่อเทียบกับ CDP ที่มีแนวคิดซ้ายกว่าแล้ว DPP อาจเหมาะสมกับ LDP มากกว่าในแต่ละด้าน ทั้งนโยบายต่างประเทศ ความมั่นคง และพลังงาน
IMCT News