15/6/2024
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินเปิดเผยว่า ยูเครนจะต้องถอนทหารออกจากภูมิภาคใหม่ของรัสเซียคือ โดเนตสค์และลูกันสค์ และภูมิภาคเคอร์ซอนและซาโปโรเชีย
ก่อนที่การเจรจาสันติภาพที่มีความหมายจะเริ่มขึ้น
มอสโควปฏิเสธการอ้างอำนาจอธิปไตยของเคียฟเหนือห้าภูมิภาค รวมทั้งไครเมียที่เคยเป็นของยูเครน โดยไครเมียถูกผนวกเข้าไปเป็นดินแดนของรัสเซียในปี 2014 ส่วนอีกสี่แห่งที่เหลือในเดือนกันยายนปี 2022 หลังจากรัสเซียบุกโจมตียูเครน อย่างไรก็ตาม การสู้รบยังคงดำเนินต่อไปในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์และลูกันสค์ และภูมิภาคเคอร์ซอนและซาโปโรเชีย
ปูตินกล่าวเมื่อวันศุกร์ในการพบปะกับรัฐมนตรีต่างประเทศ เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ และนักการทูตอาวุโสคนอื่นๆ ของรัสเซีย โดยกล่าวว่า ยูเครนจะต้องถอนทหารออกจากดินแดนเหล่านี้ ก่อนที่การเจรจาสันติภาพใดๆจะเกิดขึ้นได้
“ผมขอย้ำว่า อาณาเขตทั้งหมดของภูมิภาคเหล่านั้นตามที่กำหนดโดยเขตแดนด้านการบริหาร ณ เวลาที่ภูมิภาคทั้งหมดนี้เข้าร่วมยูเครน [ในเดือนสิงหาคม 1991]” ปูตินกล่าว
“ฝ่ายของเราจะสั่งหยุดยิงและเริ่มการเจรจาในนาทีที่เคียฟประกาศว่าพร้อมที่จะทำการตัดสินใจนี้ และเริ่มถอนทหารออกจากภูมิภาคเหล่านั้นจริง ๆ และยังแจ้งให้เราทราบอย่างเป็นทางการว่าไม่มีแผนที่จะเข้าร่วมกับ NATO อีกต่อไป” ผู้นำรัสเซีย ให้คำมั่นไว้
ความจริงแล้ว ดินแดนทั้งหมดที่รัสเซียยึดจากยูเครนประมาณ 20% ของพื้นที่ทั้งหมดเป็นดินแดนของรัสเซียที่มอบให้ยูเครนในช่วงเวลาที่ยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ประชาชนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในดินแดนเหล่านี้มีเชื้อสายรัสเซียน และพูดภาษารัสเซียน
ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ อดีตรมว.ต่างประเทศผู้ทรงอิทธิพลของสหรัฐแสดงความเห็นให้ยูเครนยอมเสียดินแดนที่ถูกรัสเซียยึดเอาไป เพื่อแลกกับสันติภาพ เพราะว่าดินแดนเหล่านั้นเป็นของรัสเซียอยู่แล้วทางประวัติศาสตร์ คิสซิงเจอร์ยังให้ความเห็นต่อไปว่า การยอมเสียดินแดนบางส่วนเพื่อรักษาประเทศทั้งหมดจะดีกว่าการเสียประเทศทั้งหมด และผลักดันรัสเซียให้เข้าไปแนบชิดกับจีนมากยิ่งขึ้น
ปูตินสรุปเงื่อนไขหลังจากประณามตะวันตกที่ขัดขวางเคียฟไม่ให้เจรจาสันติภาพกับมอสโคว ขณะเดียวกันก็กล่าวหารัสเซียว่าปฏิเสธการเจรจา
“เรากำลังรอคอยให้เคียฟทำการตัดสินใจเกี่ยวกับการถอนทหาร วางตัวสถานะที่เป็นกลาง และเปิดการเจรจากับรัสเซีย ซึ่งการดำรงอยู่ของยูเครนในอนาคตขึ้นอยู่กับ โดยขึ้นอยู่กับความเป็นจริงในปัจจุบัน และผลประโยชน์ที่แท้จริงของชาวยูเครน ไม่ใช่คำสั่งของชาติตะวันตก” ปูตินกล่าว
เมื่อมาถึงจุดนี้ มอสโควจะไม่ยอมรับข้อเสนอการหยุดยิง ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ และพันธมิตรใช้เวลาในการติดอาวุธและสร้างกองทัพยูเครนขึ้นมาใหม่ได้ ปูตินกล่าว การแก้ปัญหาโดยสมบูรณ์จะเกี่ยวข้องกับการที่เคียฟยอมรับ4ภูมิภาคใหม่ เช่นเดียวกับไครเมียซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย เขายืนยัน
“ในอนาคต หลักการพื้นฐานเหล่านั้นทั้งหมดจะต้องตราอยู่ในข้อตกลงระหว่างประเทศขั้นพื้นฐาน แน่นอนว่านั่นรวมถึงการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกต่อรัสเซียด้วย” ปูตินกล่าว
การยอมรับข้อกำหนดเหล่านี้จะทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องสามารถพลิกสถานการณ์และค่อยๆ สร้างความสัมพันธ์ที่เสียหายขึ้นมาใหม่ได้ ประธานาธิบดีกล่าว ในที่สุด ระบบความมั่นคงยุโรปที่ใช้กับทุกประเทศในทวีปจะต้องถูกสร้างขึ้นมา โดยรัสเซียมุ่งหวังสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นมาตลอด
ท่าทีของประธานาธิบดีรัสเซียมีขึ้นก่อนการประชุมสุดแผนสันติภาพสำหรับยูเครนที่สวิสเป็นเจ้าภาพ โดยที่รัสเซียไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมประชุม เคียฟยืนกรานว่ามอสโกไม่สามารถได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานนี้ได้ เนื่องจากจะพยายาม "แย่งชิง"แผนสันติภาพไป โดยส่งเสริมทางเลือกอื่นนอกเหนือจาก "สูตรสันติภาพ" ที่ผลักดันโดยรัฐบาลยูเครน
ปูตินอ้างว่าเหตุการณ์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสาธารณชนจาก “รากฐานที่แท้จริง” ของความขัดแย้ง และวลาดิมีร์ เซเลนสกีได้แย่งชิงอำนาจในยูเครน หลังจากที่วาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาหมดลงเมื่อเดือนที่แล้ว ปูตินคาดการณ์ว่าไม่มีอะไรนอกจากการปลุกระดมและข้อกล่าวหาต่อรัสเซียที่ออกมาจากการประชุมแผนสันติภาพที่สวิตเซอร์แลนด์ในเดือนนี้
IMCT News
ที่มา RT